เงินดาวน์คอนโด คืออะไร?? ได้คืนไหม? ถ้ากู้ไม่ผ่าน!!
สร้างเมื่อ Sep 12, 2022
เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมคะว่า ถ้าหากเราวางดาวน์คอนโด หรือ ผ่อนดาวน์คอนโดไปแล้ว แต่ดันเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันอย่างเช่น เราไม่สามารถทำเรื่องกู้ธนาคารได้ หรือ ธนาคารปฏิเสธสินเชื่อทำให้เราไม่สามารถซื้อคอนโดนั้นได้ เราจะสามารถขอเงินดาวน์ที่ผ่อนไปแล้วคืนมาได้ไหม ซึ่งวันนี้น้อง Genie ก็มีคำตอบมาฝากเพื่อนๆ อีกตามเคยค่ะ รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ตามมาเลยค่ะ
1. ผ่อนดาวน์คอนโด คืออะไร?
โดยปกติแล้วโครงการต่างๆ จะทำการเปิดขายโครงการก่อนการก่อสร้างอยู่แล้วนะคะ เมื่อเราอยากได้โครงการนั้นๆ เราต้องมีเงินจอง หรือเงินดาวน์เพื่อจองสิทธิ์ของเรานั่นเองค่ะ หรือเรียกง่ายๆ คือ
“ผ่อนดาวน์ คือ การผ่อนชำระเงินจำนวนหนึ่งที่เจ้าของโครงการเรียกเก็บ เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันการจองซื้อโครงการ” และเมื่อถึงกำหนดส่งมอบ ทางโครงการจะนำเงินดาวน์ที่เราได้ชำระก่อนหน้านั้นมาหักออกจากราคาขายนั่นเองค่ะ
ซึ่งเมื่อเราต้องการที่จะซื้อบ้าน หรือ คอนโดในโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ หรือต้องการซื้อบ้านในราคา Presales นั้น ทางเจ้าของโครงการจะมีการเรียกเก็บเงินดาวน์ ซึ่งอาจจะมีมูลค่าตั้งแต่ 5% - 20% แล้วแต่ราคาของโครงการนั้นๆ ค่ะ
ซึ่งหากโครงการที่เรากำลังเล็งไว้นั้นมีราคาที่สูงมากๆ ก็จะทำให้เราต้องชำระเงินดาวน์ในราคาที่สูงมากๆ ด้วยเช่นกันค่ะ โดยเราจะสามารถเลือกการชำระได้ตามความต้องการเลยค่ะ
หากเพื่อนๆ มีเงินก้อนก็สามารถชำระได้เต็มจำนวนตามที่โครงการเสนอมาได้เลย แต่หากเพื่อนๆ คนไหนที่ยังไม่พร้อมจ่ายเงินก้อน ทางโครงการก็มีข้อเสนอแบบ “ผ่อนดาวน์” เข้ามาช่วยเหลือค่ะ ซึ่งข้อนี้จะทำให้เพื่อนๆ แบ่งเบาค่าใช้จ่ายเงินดาวน์ไปจนกว่าโครงการจะสร้างเสร็จนั่นเองค่ะ
ซึ่งการ “ผ่อนดาวน์” นั้นจะมีด้วยกันอยู่ 2 แบบดังนี้ค่ะ
- การ “ผ่อนดาวน์” แบบปกติ
การผ่อนดาวน์แบบปกติ คือ การผ่อนเท่ากันทุกๆ งวดค่ะ จนครบกำหนดตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาค่ะ
- การ “ผ่อนดาวน์” แบบบอลลูน
การผ่อนแบบบอลลูน คือ ค่างวดที่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนดาวน์แบบปกติ 2 ถึง 3 เท่า เช่น
หากเราซื้อคอนโดในราคา 2,440,000 ทางโครงการกำหนดยอดวางดาวน์อยู่ที่ 245,000 บาท แบ่งชำระทั้งหมด 29 งวด และจะมีวงดผ่อนแบบบอลลูนทั้งหมด 4 งวด ดังนี้
- งวดที่ 1 - 5 ต่อเดือนที่งวดละ 5,000 บาท
- งวดที่ 6 ผ่อนแบบบอลลูนงวดแรกที่ 30,000 บาท
- งวดที่ 7 - 15 ต่อเดือนที่งวดละ 5,000 บาท
- งวดที่ 16 ผ่อนแบบบอลลูนงวดสองที่ 30,000 บาท
- งวดที่ 17 - 27 ต่อเดือนที่งวดละ 5,000 บาท
- งวดที่ 28 ผ่อนแบบบอลลูนงวดสามที่ 30,000 บาท
- งวดที่ 29 ผ่อนแบบบอลลูนงวดสี่ที่ 30,000 บาท
2. ระยะเวลาในการผ่อนดาวน์ คอนโด
สำหรับระยะเวลาในการผ่อนดาวน์นั้น ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการก่อสร้างของแต่ละโครงการค่ะ แต่หลักๆ แล้วสามารถแบ่งได้ดังนี้ค่ะ
- โครงการแบบ Low Rise ระยะเวลาในผ่อนดาวน์ประมาณ 10 - 18 เดือน
- โครงการแบบ High Rise ระยะเวลาในผ่อนดาวน์ประมาณ 24 - 36 เดือน
- โครงการบ้านแนวราบ ระยะเวลาในผ่อนดาวน์ประมาณ 6 - 17 เดือน
แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้เทคโนโลยี รวมถึงการบริหารงานก่อสร้างค่อนข้างได้รับการพัฒนาให้มีความรวดเร็ว จึงอาจจะมีบางโครงการที่สร้างเสร็จก่อนกำหนด เพื่อนๆ ไม่ต้องกังวลในส่วนนี้นะคะ
เพราะเพื่อนๆ สามารถเลือกได้ว่า เราจะจ่ายยอดเงินส่วนที่เหลือ และ นัดวันไปโอนกรรมสิทธิ์เลย หรือ จะทยอยจ่ายดาวน์ตามสัญญาเดิมก็ไม่มีปัญหาค่ะ
3. ผ่อนดาวน์ไปแล้ว แต่กู้ไม่ผ่าน??
มาถึงปัญหาที่หลายคนกังวลนะคะ ว่าหากผ่อนดาวน์คอนโดไปจนหมดแล้ว แต่เมื่อขอยื่นกู้กลับกู้ไม่ผ่าน แล้วเงินดาวน์ที่ผ่อนไปหล่ะ จะได้คืนไหม? ต้องบอกก่อนนะคะว่า “ทางโครงการไม่สามารถยึดเงินดาวน์และจะต้อง “คืนเงินดาวน์” ทั้งหมดให้แก่เรา” ค่ะ เพราะว่าในปัจจุบันนี้นั้นประเทศไทยไม่มีกฎหมายออกมาบังคับให้ทางโครงการยึดเงินดาวน์เรานั่นเองค่ะ
แต่ในส่วนของ “เงินจอง” และ “เงินทำสัญญา” นั้นเราจะได้คืนหรือไม่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโครงการที่ระบุไว้ในสัญญาค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีระบุแน่ชัดในสัญญาค่ะ
หากพูดถึงในฝั่งของเงินทำสัญญา และ เงินจองนั้นทางโครงการมีสิทธิ์ที่จะริบไว้ทั้งหมดค่ะ แต่เมื่อพูดถึง “เงินดาวน์” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “สัญญาซื้อขาย” แต่ถ้าหากผู้ซื้อกู้ธนาคารไม่ผ่าน ก็เท่ากับว่า สัญญาซื้อขายฉบับดังกล่าวเป็นโมฆะ เนื่องจากไม่มีการส่งมอบสัญญาซื้อขาย โดยที่ผู้ซื้อมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินดาวน์คืนจากโครงการค่ะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราอาจจะไม่ได้รับเงินดาวน์ทั้งหมดนะคะ เราอาจจะต้องเสียค่าดำเนินการ ค่าเสียเวลาให้กับทางโครงการด้วยนั่นเองค่ะ
ดังนั้นน้อง Genie จึงอยากแนะนำเพื่อนๆ ก่อนทำการซื้อขาย ควรตรวจสอบสัญญาทุกตัวอักษรเพื่อผลประโยชน์ของตัวเรานะคะ ถึงแม้ว่าทางโครงการจะมีการโปรโมต หรือ ออกโปรโมชั่น ชักชวนให้เราคล้อยตาม โปรโมชั่นที่ทางโครงการคิดมาจะต้องระบุเป็นลายลักษณ์อักษร และ ต้องอยู่ในตัวสัญญานะคะ เมื่อเกิดข้อผิดพลาด หลักฐานทั้งหมดจะเป็นตัวช่วยอย่างดีในชั้นศาลเลยล่ะค่ะ
4. กู้ไม่ผ่าน เพราะอะไร??
มาถึงตรงนี้ เรามาดูกันค่ะว่าสาเหตุอะไรกันแน่ที่ทำให้เรากู้ไม่ผ่าน ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่จะทำให้เรากู้ไม่ผ่านนั้น มีดังนี้ค่ะ
4.1. ติดแบล็คลิสต์เครดิตบูโร
เครดิตบูโร คือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ที่ดูแลเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลสินเชื่อ ตลอดจนประวัติการชำระหนี้เอาไว้ซึ่งการติดแบล็คลิสต์ของเครดิตบูโรนั้น หมายความว่า เรามีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี ชำระหนี้ไม่ตรงเวลา ล่าช้า หรือมีหนี้ค้างอยู่เป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลเหล่านี้จะสามารถแสดงให้ธนาคารเห็นได้ถึงความมีวินัย และความสามารถในการเงิน หากเราติดแบล็คลิสต์ของเครดิตบูโรนั้นทางธนาคารก็จะไม่อนุมัติสินเชื่อให้เรา เพราะเกรงว่าเราจะไม่มีความสามารถในการชำระหนี้คืนให้กับทางธนาคารได้นั่นเองค่ะ
4.2. รายได้ไม่ชัดเจน ไม่สม่ำเสมอ
ในขณะที่เราต้องการยื่นกู้เพื่อซื้อบ้าน หรือ คอนโด เราจะต้องมีการผ่อนชำระค่างวดเป็ฯประจำทุกเดือน ดังนั้นธนาคารจะพิจารณาจากรายได้ โดยที่มาของเงินจะต้องชัดเจน ยิ่งเป็ฯพนักงานบริษัท หรือ พนักงานประจำที่มีเงินเข้าธนาคารในทุกๆ เดือน รายได้คงที่ จะมีโอกาสกู้ผ่านได้มากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตาม รายได้ผู้ที่ขอกู้จะต้องมีมากพอกับการชำระค่างวดด้วยเช่นกัน
เพื่อนๆ จึงจะต้องเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น เอกสารแสดงที่มารายได้ให้ชัดเจน หรือ สลิปเงินเดือน และ รายการเดินบัญชีอย่างน้อย 3-6 เดือน เอกสารเกี่ยวกับผู้กู้ ทั้งสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อ หรือการสมรส หากเตรียมเอกสารครบทั้งหมดแล้ว ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับการอนุมัติเร็วขึ้นค่ะ
4.3. ภาระหนี้สินมากเกินไป
ในการอนุมัติสินเชื่อบ้าน หรือ คอนโดนั้น ธนาคารจะต้องพิจารณาหลายๆ ปัจจัย ซึ่งอาจจะรวมถึงหนี้สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนี้ผ่อนรถยนต์ หนี้บัตรเครดิตต่างๆ ซึ่งหากธนาคารเห็นสมควรว่า มีความเสี่ยงที่เราจะไม่สามารถชำระสินเชื่อบ้าน หรือ คอนโดได้ ธนาคารก็จะไม่อนุมัติค่ะ
5. วิธีแก้ปัญหา เมื่อกู้ไม่ผ่าน
หากเราทำการยื่นกู้ไปแล้ว แต่ทางธนาคารไม่อนุมัติ เราต้องกลับมาดูที่สัญญาของเราว่าทางโครงการที่เราไปผ่อนดาวน์นั้น มีเงื่อนไขในการคืนเงินดาวน์หรือไม่ ซึ่งน้อง Genie มีทางเลือกมาให้เพื่อนๆ ได้ลองนำไปปรับใช้กันดูค่ะ
5.1. เจรจาต่อรองกับทางโครงการ
เราอาจจะเริ่มต้นเจรจา และ ขอความช่วยเหลือกับทางโครงการดูค่ะ หากเรายังต้องการโครงการนี้อยู่ก็สามารถขอให้ทางโครงการช่วยหาธนาคาร หรือ ติดต่อสถาบันทางการเงินใหม่ที่มีโอกาสให้สินเชื่อผ่านง่ายกว่าเดิม หรือ หากเราเป็นผู้โชคดีทางโครงการอาจจะมีโปรโมชั่นส่วนลดเป็นเงินก้อนที่จะสามารถช่วยให้เรานั้น สามารถยื่นขอสินเชื่อในราคาที่ต่ำกว่าเดิมนั่นเองค่ะ
5.2. หาผู้กู้ร่วม
ในกรณีนี้ หากเรากู้ไม่ผ่านเพราะรายได้ไม่เพียงพอ เราสามารถหาผู้กู้ร่วมมาเพิ่มได้ค่ะ อาจจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ หรือ ญาติพี่น้อง ก็ได้ค่ะ
5.3. เลื่อนเวลารับโอนกรรมสิทธิ์
ในขั้นตอนนี้เราต้องขอเจรจากับทางโครงการโดยตรง เพื่อขยายเวลาในการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารอื่นเพิ่มเติมนั่นเองค่ะ
5.4. ขายดาวน์
ในกรณีที่ไม่ว่าจะยังไง ก็ขอสินเชื่อทำทางธนาคารไม่ผ่าน การขายดาวน์ก็เป็นอีกทางเลือกที่จะสามารถทำให้เราไม่ต้องเสียเงินดาวน์ไปฟรีๆ ค่ะ ซึ่งถ้าหากคอนโดที่เพื่อนๆ เลือกนั้นอยู่เป็นคอนโดที่ได้รับความนิยมสูงสุดอยู่แล้ว การขายดาวน์อาจจะทำให้ขายง่าย และ อาจจะได้กำไรมาด้วยค่ะ
อนึ่งแต่หากต้องการที่จะขายดาวน์ออกง่ายๆ น้อง Genie แนะนำว่าลองตั้งราคาที่ถูกลงกว่าสัก 5% - 10% ของราคาที่เราผ่อนดาวน์ไปก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ ข้อมูลที่นำมาเสนอในวันนี้ สำหรับน้อง Genie มองว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอค่ะ และที่สำคัญก่อนที่เราจะทำการซื้อบ้าน หรือ คอนโดนั้นเราควรตรวจสอบเงื่อนไขต่างให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น การจ่ายเงินจอง การคืนเงินอย่างชัดเจน และเตรียมตัวขอสินเชื่อให้พร้อมทั้งเอกสารทางการเงิน รายได้ที่มั่นคงสม่ำเสมอ ภาระหนี้สินไม่มากเกินตัว และประวัติทางการเงินที่ดีเท่านี้เพื่อนๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะผ่านการอนุมัติจากธนาคารแน่นอนค่ะ
เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมองหาบ้าน หรือคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมตกแต่ง และสามารถเข้าอยู่ได้เลยไม่ควรพลาดเว็บไซต์นี้ค่ะ www.genie-property.com ตัวช่วยง่ายๆ ในรูปแบบ VR Tour ที่จะทำให้เพื่อนๆ ประหยัดเวลา แถมได้เห็นห้องจริงๆ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาออกไปดูหลายๆ ที่ เว็บนี้ตอบโจทย์เพื่อนๆ แน่นอนค่ะ
และเพื่อเป็นกำลังใจให้น้อง Genie เพื่อนๆ สามารถเข้ามาพูดคุย หรือกดติดตามข่าวสารดีๆเกี่ยวกับแวดวงอสังหาฯ และ ไลฟ์สไตล์กันได้ผ่านทางช่องทางด้านล่างนี้เลยค่าาา
LINE: @genie-property.com
FACEBOOK: Genie-Property.com
EMAIL: sales@genie-property.com
WEBSITE : www.genie-property.com
CALL CENTER: 093-232-9888,064-931-8666
บทความที่แนะนำ
- ผ่อนคอนโด/บ้านไม่ไหว อย่าเพิ่งท้อ!! เปิด 13 วิธีขอประนอมหนี้กับธนาคาร
- เปลี่ยนต้นไม้เป็นหลักประกันเงินกู้ได้ง่ายๆ กับไม้มีค่า 58 ชนิด
- คนซื้อบ้าน ซื้อคอนโดต้องรู้สิ่งนี้!! EIA คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ
ขอบคุณข้อมูลจาก