เปลี่ยนต้นไม้เป็นหลักประกันเงินกู้ได้ง่ายๆ กับไม้มีค่า 58 ชนิด

สร้างเมื่อ Aug 26, 2022

เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่าต้นไม้บางชนิดที่เราปลูกนั้น สามารถนำมาเป็นหลักทรัพย์ในการขอสินเชื่อ หรือ ใช้เป็นหลักประกันกู้ยืมเงินได้ด้วยน้าาา ซึ่งวันนี้น้อง Genie ก็ไม่พลาดที่จะนำต้นไม้มีค่าทั้ง 58 ชนิดมาฝากเพื่อนๆ ค่ะ จะมีต้นไหนบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ

undefined

1. ทำความรู้จักต้นไม้มีค่า 58 ชนิด

สำหรับไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจจะมีทั้งหมด 58 ชนิดนั้นนะคะ ซึ่งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ได้มีประกาศราชกิจจานุเบกษาให้ “ไม้ยืนต้น” เป็น “ทรัพย์สินที่สามารถใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ” ได้ค่ะ

และหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้ออกกฎกระทรวงทำให้สถาบันการเงิน และ ผู้ที่รับหลักประกันนั้นสามารถเพิ่มประเภทของหลักทรัพย์ในการให้สินเชื่อมากขึ้นนั่นเองค่ะ ซึ่งข้อนี้มีผลดีต่อทั้งสถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ เกษตรกร และประชาชนท่านอื่นที่ต้องการใช้ต้นไม้ยืนต้นเพื่อสินเชื่อ และยังมีกฎหมายรองรับแบบชัดเจนอีกด้วยค่ะ ซึ่งต้นไม้ตามบัญชีท้ายกฎหมายว่าด้วยสวนป่า จะสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มได้แก่

  • กลุ่มที่ 1 ต้นไม้ที่มีอัตราการเติบโตเร็ว รอบตัดฟันสั้น มูลค่าของเนื้อไม้ต่ำ กลุ่มนี้จะมีมูลค่าต่ำ เช่น ยูคาลิปตัส สัตตบรรณ กระถินเทพา กระถินณรงค์ ฯลฯ
  • กลุ่มที่ 2 ต้นไม้ที่มีอัตราการเติบโตปานกลาง รอบตัดฟันยาว มูลค่าของเนื้อไม้ค่อนข้างสูง เช่น ประดู่ ยางนา กระบาก สะตอ ฯลฯ
  • กลุ่มที่ 3 ต้นไม้ที่มีอัตราการเติบโตปานกลาง รอบตัดฟันยาว มูลค่าของเนื้อไม้สูง ได้แก่ สัก ฯลฯ
  • กลุ่มที่ 4 ต้นไม้ที่มีอัตราการเติบโตช้า รอบตัดฟันยาว มูลค่าของเนื้อไม้สูงมาก เช่น พะยูง ชิงชัน จันทน์หอม มะค่าโมง ฯลฯ เป็นต้น

โดยรายชื่อต้นไม้ที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันธุรกิจได้มีทั้งหมด 58 ชนิดดังนี้ค่ะ

undefined

undefined

undefined

จากการตรวจสอบสถิติผู้ที่จดทะเบียนเพื่อนำต้นไม้มาเป็นหลักประกันเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 1.46 แสนต้น ซึ่งเป็นจำนวนเงินค้ำประกันกว่า 137 ล้านบาท โดยมีการจดทะเบียนการนำต้นไม้มาเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ

  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวนต้นไม้ 318 ต้น จำนวนเงินค้ำประกัน 3 ล้านกว่าบาท
  • ธนาคารกรุงไทย จำนวน 23,000 ต้น จำนวนเงินค้ำประกัน 128 ล้านบาท
  • พิโกไฟแนนซ์ จำนวนต้นไม้ 1.2 แสนต้น จำนวนเงินค้ำประกัน 6 ล้านบาท
undefined

2. เงื่อนไขในการใช้ต้นไม้มีค่าเป็นหลักประกัน

สำหรับเงื่อนไขในการใช้ต้นไม้มีค่าเป็นหลักประกันนั้น จะต้องตรงตามเกณฑ์ที่กฎกระทรวงรองรับ โดยจะมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

  • จะต้องเป็นต้นไม้อายุ 1 ปีขึ้นไป
  • มีลำต้นเป็นแนวตรง 2 เมตรขึ้นไป
  • ต้องเป็นต้นไม้ที่ปลูกในที่ดินของตนเอง
  • การวัดมูลค่าจะต้องมีกรรมการและสมาชิกธนาคาร อย่างน้อย 3 คนร่วมประเมินมูลค่า
  • ต้นไม้เป็นรายต้นที่ความสูง 1.30 เมตร
  • ต้นไม้จะต้องมีเส้นรอบวงของต้น ไม่ต่ำกว่า 3 เซนติเมตร และเปรียบเทียบเส้นรอบวงที่วัดได้ กับตารางปริมาณ และราคาเนื้อไม้ ที่แบ่งเป็น 4 กลุ่ม เพื่อหามูลค่าต้นไม้ และจะปล่อยกู้ให้ 50% ของราคาประเมินต้นไม้ชนิดนั้น ๆ

ตัวอย่าง ที่ดินที่นำมาจดจำนองขอสินเชื่อ

  • หากที่ดินที่นำมาจดจำนองขอสินเชื่อ มีราคาประเมิน 800,000 บาท
  • ปกติจะกู้ได้ร้อยละ 50 ของราคาประเมิน หรือ 400,000 บาท

แต่หากผู้กู้มีต้นไม้ ซึ่งมีมูลค่าตามการประเมินมูลค่าต้นไม้รวมทั้งสิ้น 400,000 บาท ก็จะใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ร้อยละ 50 หรือ 200,000 บาท

  • ดังนั้น ผู้กู้รายนี้ จะมีหลักทรัพย์ค้ำประกันทั้งสิ้น 1,200,000 บาท (ราคาประเมินที่ดิน 800,000 + มูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เป็นต้นไม้ 200,000)
  • และจะสามารถได้วงเงินกู้ 600,000 บาท หรือร้อยละ 50 ของ 1,200,000 บาท ซึ่งหมายความว่า ได้เพิ่มจากราคาประเมินที่ดินเปล่า 200,000 บาท เป็นต้นค่ะ
undefined

3. การคำนวณปริมาตร และ มูลค่าของต้นไม้

หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วเราจะมีวิธีคำนวณ หรือ รู้มูลค่าของต้นไม้มีค่าของเราได้อย่างไรล่ะไม่ต้องห่วงค่ะ น้อง Genie ได้เตรียมทุกอย่างมาให้แล้ว ซึ่งการคำนวณปริมาตร และ มูลค่าของต้นไม้นั้น เราจะสามารถตรวจสอบและประเมินได้จากราคากลางต้นไม้ค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั่นเองค่ะ

ตัวอย่างการใช้ตาราง

หากผู้ประเมินวัดไม้สักซึ่งมีขนาดวัดรอบเพียงอก = 78.5 ซม. ซึ่งไม้สักจะอยู่ในกลุ่มที่ 3 ให้เพื่อนๆ ดูตารางที่ 3 เพื่อตรวจสอบและประเมินมูลค่าของต้นไม้จากขนาดเส้นรอบวงค่ะ

หากขนาดที่เราวัดได้ไม่มีปรากฏในตาราง หรือ ได้ขนาดที่ไม่ตรงตามตารางให้เพื่อนๆ คำนวณมูลค่าต้นไม้โดยการเทียบบัญญัติไตรยางศ์ กับ มูลค่าของต้นไม้ในขนาดที่ใกล้เคียงที่สุดค่ะ

ดังนั้นจะได้ข้อสรุปว่า “ไม้สักที่มีขนาดรอบเพียงอก = 78.5 ซม (ดูเส้นรอบวงที่ 75.74 ซม.) จะมีมูลค่า = 2,223 บาท” โดยไม่ต้องพิจารณาว่าต้นไม้ที่นำมาประเมินมีอายุเท่าไหร่

ซึ่งรายละเอียดนั้นจะแบ่งออกเป็นตารางราคากลางดังนี้ค่ะ

undefined

undefined

undefined

undefined

undefined

undefined

undefined

undefined

4. สถาบันการเงินที่เข้าร่วม

สำหรับสถาบันการเงินที่เขาร่วม การนำต้นไม้มีค่ามาเป็นหลักประกันนะคะตอนนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 1 สถาบัน ซึ่งมีดังนี้ค่ะ

1. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

สำหรับธนาคารแรกนะคะ จะเป็น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นั่นเองค่ะ ซึ่งเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการ จะมีดังนี้ค่ะ

  • คุณสมบัติของเกษตรกรที่ประสงค์จะกู้เงินโดยใช้ไม้ยืนต้นที่มีค่ามาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

- เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.

- เป็นสมาชิกของธนาคารต้นไม้

เกษตรกรที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศค่ะ โดยขั้นตอนการกู้เงินเป็นไปตามระเบียบของ ธ.ก.ส.

เป็นอย่างไรบ้างคะกับต้นไม้มีค่าทั้ง 58 ชนิดที่นำมาเสนอในวันนี้ ส่วนตัวน้อง Genie มองว่าโครงการนี้มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะนอกจากจะช่วยให้เกษตรกรปลูกต้นไม้เพื่อเป็นทรัพย์สิน เป็นมรดกให้ลูกหลาน แล้วยังช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าสีเขียวให้กลับประเทศอีก ที่สำคัญนะคะ ยังช่วยลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบได้อีกด้วยค่ะ

เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมองหาบ้าน หรือคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมตกแต่ง และสามารถเข้าอยู่ได้เลยไม่ควรพลาดเว็บไซต์นี้ค่ะ www.genie-property.com ตัวช่วยง่ายๆในรูปแบบ VR Tour ที่จะทำให้เพื่อนๆ ประหยัดเวลา แถมได้เห็นห้องจริง โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาออกไปดูหลายๆ ที่ เว็บนี้ตอบโจทย์เพื่อนๆ แน่นอนค่ะ

และเพื่อเป็นกำลังใจให้น้อง Genie เพื่อนๆ สามารถเข้ามาพูดคุย หรือกดติดตามข่าวสารดีๆเกี่ยวกับแวดวงอสังหาฯ และ ไลฟ์สไตล์กันได้ผ่านทางช่องทางด้านล่างนี้เลยค่าาา

LINE: @genie-property.com

FACEBOOK: Genie-Property.com

EMAIL: sales@genie-property.com

CALL CENTER: 093-232-9888,064-931-8666

Website : www.genie-property.com

แนะนำบทความที่น่าสนใจ

  1. อัพเดตราคาประเมินที่ดินปี 65 จากกรมธนารักษ์ ทั้ง 77 จังหวัด
  2. ก่อนซื้อ-ขายที่ดินต้องรู้!! โฉนดที่ดินมีกี่ประเภท?
  3. สรุปขั้นตอนที่เจ้าของที่ดินต้องรู้!! เมื่อถูกเวนคืนที่ดิน

ขอบคุณข้อมูลจาก

Anyflip

BACC

DBD