ก่อนซื้อคอนโดต้องรู้!! “4 ประเภทห้องคอนโด” ต่างกันอย่างไร

สร้างเมื่อ Oct 21, 2022

การเลือกซื้อคอนโดสักที่ หลายคนอาจจะสับสน งงงวย กับรูปแบบการขายที่มักจะมีชื่อเรียกที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็น Fully Fitted, Fully Furnished, Bareshell, Standard และอีกบลา บลา ซึ่งวันนี้น้อง Genie ได้รวบรวมความแตกต่างของรูปแบบการขายในแบบต่างๆ มาฝากเพื่อนๆ ค่ะ จะมีความแตกต่างกันมากขนาดไหน ไปดูกันเลยค่าาา

1. ประเภทของการขายคอนโด

undefined

undefined

1. Fully Fitted

สำหรับแบบแรกที่น้อง Genie จะพามาดูนั้นจะเป็นแบบ Fully Fitted ซึ่งเราจะได้ยินบ่อยๆ ตามคอนโดระดับกลางถึงระดับสูงค่ะ ซึ่งการขายในรูปแบบนี้นะคะ จะมีลักษณะห้องที่ตกแต่งพร้อมขาย โดยทางโครงการจะทำการติดตั้ง เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน (Built-in) ตามรูปแบบห้องให้บางส่วน ยกตัวอย่างเช่น บิ้วอินชุดครัวแบบครบเซต ชุดห้องน้ำแบบครบเซต รวมไปถึงตู้เสื้อผ้าที่บิ้วอินมาให้เสร็จสรรพ และในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ต้องขึ้นอยู่กับทางโครงการด้วยค่ะ ส่วนใหญ่ที่ให้มาด้วยจะเป็น เครื่องปรับอากาศ เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน มากกว่าค่ะ

อีกทั้งห้องแบบ Fully Fitted ทางโครงการจะมีการจัดระบบวางท่อน้ำ และงานไฟฟ้าทั่วทั้งห้องเรียบร้อยค่ะ ซึ่งห้องในรูปแบบนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเลือกรูปแบบการจัดห้อง เลือกเฟอร์นิเจอร์ตามสไตล์ของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องกังวลในเรื่องของระบบน้ำ และ ระบบไฟนั่นเองค่ะ

ข้อดีของรูปแบบห้อง Fully Fitted

  • สามารถซื้อเฟอร์นิเจอร์ หรือ ตกแต่งห้องได้ตามความชอบ และ ตามไลฟ์สไตล์ของเราได้เลย
  • ลดความเสี่ยงปัญหาในการขุดเจาะต่อเติมพื้นที่ที่ออกแบบเฉพาะของโครงการ โดยเฉพาะงานที่เชื่อมกับงานระบบประปา และไฟฟ้า

ข้อเสียของรูปแบบห้อง Fully Fitted

  • ไม่สามารถย้ายเข้าอยู่ได้ในทันที
  • ต้องใช้เวลาในการจัดแต่ง ตกแต่งนาน เนื่องจากขั้นตอนในการเลือกซื้อของ รวมไปถึงขบวนการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมต่างๆค่ะ
  • งบประมาณบานปลายได้ หากเรามีการวางแผนได้ไม่ดีพอค่ะ
undefined

2. Fully Furnished

สำหรับรูปแบบห้อง Fully Furnished นะคะ หลายคนอาจจะเคยได้ยินบ่อยๆ เพราะคอนโดที่มีรูปแบบการขายแบบนี้จะได้รับความนิยมจากผู้ซื้อเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าคอนโดในรูปแบบนี้จะตกแต่ง มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะทานข้าว ตู้เสื้อผ้า เตียง โซฟา หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น เครื่องซักผ้า ตู้เย็น ฯลฯ เรียกได้ว่าเราแค่ลากกระเป๋าเข้ามาก็พร้อมอยู่ได้เลยค่ะ

ข้อดีของรูปแบบห้อง Fully Furnished

  • ประหยัดเวลาในการตกแต่งห้อง
  • สามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันที
  • สามารถควบคุมงบประมาณในการตกแต่งเพิ่มได้

ข้อเสียของรูปแบบห้อง Fully Furnished

  • ไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบ หรือ เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้ตรงกับความต้องการของเราได้ค่ะ
  • เฟอร์นิเจอร์บางชิ้น อาจจะไม่ถูกใจเรา และบางชิ้นอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้
  • พื้นที่ห้องจำกัด จึงยากต่อการตกแต่งห้องเพิ่มค่ะ
undefined

ขอบคุณภาพจาก Shin Ohori

3. Standard

สำหรับรูปแบบห้อง Standard นะคะ จะเป็นรูปแบบห้องที่ยังไม่ได้ตกแต่ง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ห้องเปล่า” นั่นเองค่ะ ซึ่งห้องประเภทนี้ทางโครงการออกแบบมาเพื่อให้เราสามารถตกแต่งห้องตามไลฟ์สไตล์ที่เราต้องการ ซึ่งทางโครงการจะทำการปูพื้น ทาสีผนัง ติดฝ้าเพดาน กั้นห้องน้ำ มีประตู ระเบียงภายนอก และวางระบบสาธารณูปโภคให้เรียบร้อยค่ะ

ข้อดีของรูปแบบห้อง Standard

  • สามารถออกแบบห้องได้ตามความต้องการ
  • สามารถเลือกแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ และ จัดวางฟังก์ชันใหม่ได้ทั้งหมด

ข้อเสียของรูปแบบห้อง Standard

  • งบประมาณบานปลายได้ หากเรามีการวางแผนได้ไม่ดีพอค่ะ
  • อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในการจ้างดีไซเนอร์เพื่อมาออกแบบห้องค่ะ
undefined

ขอบคุณภาพจากโครงการ Wiandshell

4. Bare Shell

สำหรับห้องในรูปแบบ Bare Shell นะคะ จะเป็นรูปแบบห้องที่ไม่มีอะไรเลยค่ะ ซึ่งทางโครงการจะให้มาแค่พื้นและผนังปูนเปลือยที่ปรับระดับเรียบร้อยแล้วเท่านั้นค่ะ อีกทั้งโครงการยังไม่มีการวางระบบน้ำ-ไฟ หรือระบบสาธารณูปโภคใดๆ แต่จะมีท่อแอร์ ท่อน้ำดี น้ำทิ้ง และบล็อกสายไฟไห้ค่ะ ซึ่งห้องในรูปแบบนี้จะเหมาะกับเพื่อนๆ ที่ชอบการตกแต่งห้องใหม่ ต้องการดีไซน์ห้องเอง เพื่อนๆ สามารถออกแบบได้เองตามต้องการเลยค่ะ แต่จะยกเว้นในส่วนของการทุบ การเจาะผนังกั้นยูนิต หรืองานใดๆ ก็แล้วแต่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วนกลางจะไม่ได้รับอนุญาตค่ะ ซึ่งหากต้องการแก้ไข หรือ เปลี่ยนแปลงจำเป็นที่จะต้องขออนุญาตจากฝ่ายบริหารอาคารก่อนนะคะ

ข้อดีของรูปแบบห้อง Bare Shell

  • สามารถตกแต่ง ออกแบบ ดีไซน์ได้ทั้งห้อง รวมไปถึงการจัดวางผังห้อง จัดฟังก์ชันการใช้งานของระบบน้ำ ระบบไฟ ได้เองทั้งหมดค่ะ

ข้อเสียของรูปแบบห้อง Bare Shell

  • ไม่สามารถย้ายเข้าอยู่ได้ในทันที
  • ต้องใช้เวลาในการตกแต่งที่นานขึ้น
  • มีค่าใช้จ่ายที่สูง และ อาจเกิดการบานปลายของงบประมาณหากเราวางแผนได้ไม่ดีพอค่ะ

2. เลือกขนาดห้องอย่างไร ให้ตอบโจทย์

undefined

นอกเหนือจากรูปแบบการขายแล้วน้อง Genie ก็มองว่าการเลือกไซส์ เลือกขนาดห้องในคอนโดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาดู “ขนาดห้องคอนโด” ในแต่ละแบบกันดีกว่าค่ะ พร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลยยย

undefined

1. ห้องสตูดิโอ (Studio)

สำหรับห้อง Studio นะคะ เป็นห้องที่เป็นขนาดเริ่มต้นของคอนโด โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีขนาดเริ่มต้นที่ 20 - 30 ตรม. ค่ะ ซึ่งห้องนี้จะมีการรวมฟังก์ชันการใช้งานมาให้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็น ส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องครัว ซึ่งห้องครัวในบางโครงการก็จะมีประตูบานเลื่อนเพื่อกั้นห้องให้เป็นสัดส่วนนั่นเองค่ะ

ห้อง Studio เหมาะกับใคร??

  • เหมาะกับผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียว เช่น นักเรียน นักศึกษา หรือ ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นการทำงานในเมือง
  • เหมาะกับคนที่มีงบประมาณในการซื้อค่อนข้างจำกัด เนื่องจากการเลือกห้อง Studio นั้นจะเป็นห้องที่มีราคาไม่สูงมาก อีกทั้งยังจ่ายค่าส่วนกลางน้อย เพราะห้องมีขนาดไม่ใหญ่มากนั่นเองค่ะ
  • เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบทำอาหาร หรือ มีโอกาสเข้าครัวน้อยครั้ง เนื่องจากว่าห้องครัวของห้อง Studio ที่โครงการให้มานั่น ค่อนข้างมีพื้นที่จำกัด และส่วนใหญ่จะไม่มีบานประตูกั้น จึงอาจจะไม่เหมาะแก่การทำอาหารมากนักค่ะ
undefined

2. ห้อง 1 ห้องนอน (1 Bedroom)

สำหรับขนาดห้อง 1 Bedroom นะคะ จะเป็นห้องที่มีขนาดกำลังพอดี และ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยนะคะ เพราะตัวห้องมีขนาดเริ่มต้นกำลังพอดี ไม่เล็ก และ ไม่ใหญ่จนเกินไป ส่วนใหญ่ห้องขนาด 1 Bedroom จะเริ่มต้นที่ประมาณ 30 ตรม.ขึ้นไปค่ะ ซึ่งบางโครงการจะมีการกั้นห้องให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น กั้นห้องนอนให้แยกเป็น Private Zone กั้นห้องครัว และ ห้องนั่งเล่น เป็นต้นค่ะ

ห้อง 1 Bedroom เหมาะกับใคร??

  • เหมาะสำหรับผู้อาศัยอยู่คนเดียว และ ต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้นมาจากห้อง Studio ค่ะ หรือจะอาศัยอยู่แบบคู่รักก็อยู่ได้แบบไม่อึดอัดค่ะ
  • เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหารค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ทางโครงการจะมีการจัดผังห้องครัวให้ติดกับระเบียง และ มีการกั้นห้องปิดให้ด้วย จึงสามารถทำอาหารได้ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นไปรบกวนห้องอื่นได้เลยค่ะ
  • เหมาะสำหรับลงทุนปล่อยเช่าค่ะ อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าห้องขนาด 1 Bedroom มักจะได้รับความนิยมอย่างล้นหลามอยู่แล้ว
undefined

3. ห้อง 1 ห้องนอน พลัส (1 Bedroom Plus)

สำหรับห้อง 1 Bedroom Plus จะเป็นห้องที่มีขนาดเพิ่มขึ้นมาจากห้อง 1 Bedroom ค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีขนาดไม่เกิน 50 ตรม. ค่ะ โดยห้องในรูปแบบนี้นั้นจะมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ห้องค่ะ ซึ่งสามารถตกแต่งให้เป็นห้องนอนที่ 2 หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องอะไรก็ได้ตามไลฟ์สไตล์ของเราได้เลยค่ะ

ห้อง 1 Bedroom Plus เหมาะกับใคร??

  • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการขนาดพื้นที่มากขึ้น อาจจะเป็นคู่รัก หรือครอบครัวขนาดเล็ก วางแผนที่จะมีลูกในอนาคต สามารถใช้ห้องอเนกประสงค์เพื่อเป็นห้องนอนของลูกได้ค่ะ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ Work From Home หรือ ผู้ที่ต้องการมีห้องส่วนตัวในการทำงาน
undefined

4. ห้อง 2 ห้องนอน (2 Bedroom)

สำหรับห้อง 2 Bedroom นะคะ ต้องบอกในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ แต่บางโครงการก็พัฒนามาเป็นตัวเลือกให้กับผู้ซื้อ ซึ่งห้องประเภทนี้จะมีขนาดเริ่มต้นที่ 50 ตรม. แต่หากย้อนไปดูโครงการเก่าๆ อาจจะพบว่ามีขนาดถึง 100 ตรม. เลยคะ โดยการออกแบบห้องลักษณะนี้นั้นตามชื่อเลยค่ะ ก็คือจะแบ่งออกเป็น 2 ห้องนอน โดยห้อง Master room จะสามารถวางเตียงขนาด 5 - 6 ฟุตได้สบายๆ ส่วนอีกห้องนอนนึงจะเป็นห้องเล็กค่ะ สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตได้

โดยบางโครงการจะออกแบบให้ห้องประเภท 2 Bedroom มีห้องน้ำอยู่ด้านนอก ซึ่งเวลาใช้ต้องออกมา

ใข้ร่วมกันด้านนอก แต่ในบางโครงการก็จะออกแบบให้มีห้องน้ำส่วนตัวในห้อง Master room และอีกหนึ่งห้องนั้นจะอยู่ด้านนอกค่ะ และที่พิเศษมากๆ ในห้องรูปแบบ 2 Bedroom นะคะ บางโครงการจะออกแบบให้พิเศษเลยคือ จะมีอ่างอาบน้ำ มีอ่างล้างหน้าแบบ His&Her ฯลฯ ค่ะ

ห้อง 2 Bedroom เหมาะกับใคร??

  • เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก หรือ ผู้ที่ต้องการอาศัยอยู่กันเป็นครอบครัว เพราะห้องในรูปแบบนี้มีการแบ่งสัดส่วนห้องที่ชัดเจน
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบชมวิวจากห้องของตัวเอง เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วบางโครงการมักจะจัดห้องแบบ 2 Bedroom อยู่บริเวณมุมของตัวอาคาร
  • เหมาะสำหรับคนที่ชอบห้องน้ำที่มีความพิเศษ หรือ ห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่ และสามารถตกแต่งเพิ่มได้ตามความต้องการ
undefined

5. ห้องดูเพล็กซ์ (Duplex)

ในส่วนของห้องแบบ Duplex นะคะจะเป็นห้องที่มีความพิเศษคือ ตัวห้องจะมีเพดานสูงกว่าห้องแบบอื่นๆ ในคอนโด และรูปแบบห้อง Duplex นั้นจะเป็นการรวมห้องคอนโด 2 ยูนิต ชั้นบน และ ชั้นล่างไว้ด้วยกันค่ะ โดยจะแบ่งเป็นชั้นอย่างชัดเจนค่ะ

ในบางโครงการจะมีการแต่งชั้นลอยเพื่อทำเป็นห้องนอนค่ะ ส่วนพื้นที่ด้านล่างก็สามารถตกแต่ง ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน ห้องครัว และ ห้องน้ำค่ะ

ห้อง Duplex เหมาะกับใคร??

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการได้ความรู้สึกเหมือนอาศัยอยู่บ้าน
  • เหมาะสำหรับผู้ชอบพื้นที่ภายในห้องเยอะๆ สามารถจัดแต่งห้องต่างๆ เพิ่มขึ้นมาได้อีกตามใจชอบ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการชมวิว เนื่องจากว่ารูปแบบห้อง Duplex นั้นจะมีการออกแบบฝ้าเพดานสูง บริเวณหน้าต่างจะติดเป็นกระจกบานสูง ทำให้สามารถมองเห็นวิวได้กว้าง และ ชัดขึ้นนั่นเองค่ะ
undefined

6. ห้องเพนท์เฮ้าส์ (Penthouse)

เมื่อพูดถึงห้องขนาด Penthouse นะคะเราจะพบเจอได้น้อยมากๆ เพราะว่าจะเป็นห้องที่มีจำนวนน้อยที่สุดในโครงการ เนื่องจากว่าเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ 100 ตรม. ขึ้นไป และที่ยิ่งไปกว่านั้นหากเพื่อนๆ ต้องการเป็นเจ้าของ Penthouse สักห้องเพื่อนๆ จะต้องเตรียมเงินในกระเป๋าหลัก 100 ล้านเลยหล่ะค่ะ ซึ่งจากภาพที่น้อง Genie นำมาเป็นตัวอย่างนั้นเป็นห้อง Penthouse ที่ผสมผสานกับ ห้อง Duplex ค่ะ มีขนาดใหญ่ถึง 838.70 ตร.ม.ค่ะ ราคาคาดการณ์ประมาณ 359 ล้านบาท และแน่นอนค่ะว่า ทั้งโครงการมีแค่ 1 ห้องเท่านั้น

โดยการจัดวางห้อง Penthouse นะคะ ทางโครงการจะเลือกให้อยู่ชั้นบนสุด ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุด และหรือต้องสามารถเข้าใช้งานได้ง่ายนั่นเองค่ะ ส่วนใหญ่แล้วห้องในรูปแบบนี้จะมีจำนวนห้องประมาณ 3 ห้องขึ้นไป มีการจัด และ แบ่งสัดส่วนของห้องให้พร้อมใช้งาน และ มีความหรูหราผสมอยู่ด้วยค่ะ

ห้อง Penthouse เหมาะกับใคร??

  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองความต้องการทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย ความหรูหรา
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชมวิว เนื่องจากว่าห้อง Penthouse นั้นจะถูกจัดอยู่ชั้นบนสุด และ ผนังส่วนใหญ่จะถูกออกแบบให้เป็นบานกระจก จึงสามารถทำให้เห็นวิวภายนอกแบบ 360 องศาเลยค่ะ
  • เหมาะกับผู้ที่าต้องการใช้ส่วนกลาง หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม เนื่องจากตัวห้องประเภทนี้จะถูกจัดอยู่ใกล้กับส่วนกลางของโครงการอยู่แล้ว เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานนั่นเองค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะกับข้อมูลที่นำมาเสนอกันในวันนี้ สำหรับความแตกต่างของทั้งประเภทของห้องในคอนโด และ ขนาดของห้องในคอนโดนั้น น้อง Genie มองว่า หากเราต้องการซื้อคอนโดสักห้อง เราจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าห้องแต่ละแบบนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และดูที่ความต้องการของเราเป็นหลักค่ะ ซึ่ง ณ ตอนนี้เองที่น้อง Genie เพิ่งจะแยกคำว่า FULLY FURNISHED และ FULLY FITTED ออก และยังค้นพบอีกว่ายังมีประเภทของห้องเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

ดังนั้นน้อง Genie หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลที่นำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆ สามารถเลือกซื่้อห้องให้ได้ตามความต้องการนะคะ

สุดท้ายนี้น้อง Genie อยากจะแนะนำเว็บไซต์ในการหาที่อยู่อาศัย รวบรวมห้องทุกโซน ทุกทำเล ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่ง หรือ มือสอง ก็มีให้เลือกแบบครบครัน อีกทั้งยังสามารถดูห้องได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าน VR Tour ได้ที่เว็บไซต์ www.genie-property.com ได้เลยค่ะ รับรองว่า สะดวก ปลอดภัย แถมได้ห้องไวแน่นอนค่ะ

และเพื่อเป็นกำลังใจให้น้อง Genie เพื่อนๆ สามารถเข้ามาพูดคุย หรือกดติดตามข่าวสารดีๆเกี่ยวกับแวดวงอสังหาฯ และ ไลฟ์สไตล์กันได้ผ่านทางช่องทางด้านล่างนี้เลยค่าาา

LINE: @genie-property.com

FACEBOOK: Genie-Property.com

EMAIL: sales@genie-property.com

CALL CENTER: 093-232-9888,064-931-8666

WEBSITE : www.genie-property.com

แนะนำบทความที่น่าสนใจ

คนซื้อบ้าน ซื้อคอนโดต้องรู้สิ่งนี้!! EIA คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ

คอนโดมิเนียม กับ ที่จอดรถ “กฏหมาย” ที่ลูกบ้านต้องรู้!!

สาวก “Minimal” พลาดไม่ได้!! รวม ไอเดีย และ ไอเท็มเด็ดที่ไม่ควรพลาด!!

ขอบคุณข้อมูลจาก

Property101thailand

DD Property