รีวิวโครงการ The Estelle Phrom Phong : ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์
ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์
โดย:
26-12-2022
“เตรียมพบกับโครงการพร้อมอยู่สุดหรู ระดับ Super Luxury เปิดใหม่ย่าน สุขุมวิท 26 ที่สายลักซูไม่ควรพลาด! ใกล้แหล่งชอปปิ้งสุดหรูถึง 3 แห่ง เดินทางสะดวกด้วยทำเลที่ใกล้ BTS สุดๆ พร้อมย่าน Prime Area สุขุมวิท กับ โครงการ The Estelle Phrom Phong ที่เรียกได้ว่ายกความเป็นญี่ปุ่นมาไว้ในโครงการ ไม่ว่าจะเป็น สวนสาธารณะ Japanese Spa & Onsen และการตกแต่งที่มีความลักซู ผสมผสานกับความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ที่สำคัญยังเป็น Pet Friendly อีกด้วยค่ะ ไม่รอช้าขอเชิญทุกท่านมาสัมผัสบรรยากาศเสมือนจริงของห้องตัวอย่างสุดหรู ผ่าน VR Tour หรือ (Virtual Reality) ได้ที่รีวิวนี้เลยค่ะ”
ข้อมูลประกอบ VR
สำหรับห้องตัวอย่างห้องแรกที่น้อง Genie จะพาไปชมนะคะ จะเป็นห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 98 ตร.ม. ซึ่งห้องนี้ทางทิศเหนือ (North Wing) ค่ะ
จุดเด่นของห้องนี้
👍 มีห้องน้ำส่วนกลางอยู่ที่ด้านหน้า
👍 ส่วนครัวสามารถกั้นเป็น ครัวปิดได้ค่ะ เนื่องจากว่าโครงการจะให้เป็นแบบครัวเปิดมา
👍 ผนังด้านนอกจากครัว มาถึงห้องนั่งเล่น จะเป็นผนังกระเบื้องค่ะ
สำหรับโครงการนี้นะคะ เปิดขายห้องแบบ Fully Fitted ค่ะ คือ จะให้มาในส่วนของห้องครัว ชุดครัว ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นเท่านั้นค่ะ ซึ่งห้องแรกที่น้อง Genie จะพาไปรับชมนั้นจะอยู่ที่ชั้น 9 ค่ะ การตกแต่งห้องนี้ถือว่าลงตัวมากๆ ค่ะ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามาดูรายละเอียดข้างในห้องกันเลยดีกว่าค่ะ
สำหรับห้องนี้นะคะ ทางโครงการประตูทางเข้ามาแบบมาตรฐาน ซึ่งจะเป็นประตูไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต โดยจะมีการตัดเส้นโลหะสีทอง เพิ่มความเป็นพรีเมียมนั่นเองค่ะ และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยทางโครงการได้ติดตั้งเป็น Digital Door Lock ของแบรนด์ Yale มาให้ค่ะ สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งหมด3 ฟังก์ชัน ได้แก่ รหัสผ่าน, คีย์การ์ด และกุญแจ นั่นเองค่ะ
และเมื่อเราเขามาด้านในนะคะ จะเห็นว่าติดกับประตูทางเข้า จะมีตู้เก็บรองเท้าแบบ Built in มาให้ซึ่งมีขนาดความสูงจากพื้นถึงฝ้า ประมาณ 3.15 เมตรเลยค่ะ และที่ดูพิเศษมากๆ เลยนะคะ คือทางโครงการใช้วัสดุเดียวกันกับชุดเคาน์เตอร์ครัว ซึ่งจะทำดูกลมกลืนไปกับผนังนั่นเองค่ะ
บริเวณโซนครัว
สำหรับโซนห้องครัวของที่นี่นะคะ ทางโครงการจะให้มาเป็นครัวเปิดค่ะ มีขนาดที่กว้างพอสมควรค่ะ หากเพื่อนๆ ต้องการกั้นเป็นครัวปิด ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันค่ะ
ในส่วนของอุปกรณ์ในห้องครัวนะคะ ทางโครงการจะมี เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันใช้ของยี่ห้อ GAGGENAU ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีคุณภาพสูง ในประเทศเยอรมนี อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้นำด้านการออกแบบและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยอีกด้วยค่ะ
นอกจากนั้นยังมีอ่างล้างจานมาพร้อมกับก๊อกน้ำพร้อมใช้งานจากแบรนด์ KOHLER และด้านข้างมีเตาอบ ไมโครเวฟ และตู้เย็นแบบประตูเดียวจาก BOSCH มาให้อีกด้วยค่ะ ด้านบนจะเป็นชั้นเก็บของ ซึ่งสามารถเก็บของได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ
ซึ่งอุปกรณ์ทุกชิ้นในห้องครัวนั้นจะถูก Built in ติดผนังมาให้ทั้งหมดนะคะ จึงทำให้มีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะ และยังสามารถเก็บของได้เยอะเช่นเดียวกัน
เข้ามาด้านในเราจะพบกับโซนรับประทานอาหารนะคะ ซึ่งห้องนี้ทางโครงการได้วางโต๊ะขนาด 6 ที่นั่งมาให้ดูเป็นไอเดียนะคะ ซึ่งต้องบอกว่าถึงจะเป็นโต๊ะขนาด 6 ที่นั่งก็ยังดูไม่อึดอัด พื้นที่ใช้สอยก็ยังเหลือเฟือค่ะ
ส่วนของฝ้าเพดานทำเป็นนั้นออกแบบเป็นหลุมซ่อนไฟ ตกแต่งด้วยโคมไฟแขวน เพิ่มความหรูหราให้กับตัวห้องได้มากทีเดียวค่ะ
บริเวณห้องนั่งเล่น
ถัดจากโซนรับประทานอาหารจะเป็นในส่วนของห้องนั่งเล่นค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าจัดพื้นที่ออกมาได้กว้างมากๆ ค่ะ มีระยะจากโซฟาถึงหน้าทีวีประมาณ 3.60 เมตร สามารถวางทีวีที่มีขนาดใหญ่ หรือขนาด 55 นิ้วได้สบายๆ เลยค่ะ
ระเบียง
ในส่วนของระเบียงนะคะ จะอยู่ติดกับห้องนั่งเล่นเลยค่ะ สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้อย่างสบายๆ เลยค่ะ โดยระเบียงนะคะ ทางโครงการได้ออกแบบมาในรูปแบบ ประตูบานเลื่อนกระจกแบบ Full Height Insulated Glass มีความสูงจากพื้นถึงเพดานประมาณ 3.15 ซม. และมีความหนาประมาณ 2 ซม. ค่ะ ซึ่งตัวกระจกที่โครงการให้มาน้อง Genie ต้องบอกก่อนว่าจะมีความพิเศษมากๆ ค่ะ เนื่องจากว่าเราจะได้กระจกที่มีทั้งแผ่นด้านใน และแผ่นด้านนอก โดยที่ตรงระหว่างกระจกจะเป็นช่องว่าง หรือเรียกว่า Air Gap นั่นเองค่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า Air Gap มีประโยชน์อย่างไรใช่ไหมคะ ตัว Air Gap นั้นจะสามารถช่วยในเรื่องของความร้อน และ เสียงรบกวนได้เป็นอย่างดีค่ะ
สำหรับขนาดระเบียงที่ด้านนอกนะคะ จะมีความกว้างประมาณ 1.10 x 3.60 เมตร สามารถจักเป็นมุมพักผ่อน รับลม ชมวิว หรือนั่งจิบกาแฟก็เก๋ไก๋อีกแบบค่ะ
ห้องน้ำ
ถัดมาจะเป็นในส่วนของห้องน้ำค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าห้องนี้จะมีห้องน้ำส่วนกลางอยู่ด้านหน้าเลยค่ะ สามารถใช้รับแขก หรือ เพื่อนเวลามาบ้านโดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปใช้ในห้องส่วนตัว เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากยิ่งขึ้นค่ะ
ที่ตั้งของห้องน้ำนะคะ จะอยู่ใกล้กับห้องนอนที่หนึ่งค่ะ ทางโครงการได้ติดตั้งเป็นประตูบานเลื่อนมาให้ ซึ่งทำให้ประหยัดพื้นที่มากกว่าเป็นบานสวิงค่ะ
เมื่อเข้ามาภายในห้องน้ำนะคะ เราจะเจอกับอ่างล้างหน้า ซึ่งต้องบอกว่าพื้นที่มีขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่เล็กจนเกินไปค่ะ มีกระจกเงาบานใหญ่เต็มความกว้าง มาพร้อมกับชั้นวางของด้านล่างที่เป็นไม้ระแนงดูสวยงามมากค่ะ
เมื่อหันกลับมาจะเป็นในส่วนโถสุขภัณฑ์ของแบรนด์ KOHLER ค่ะ ซึ่งจะไม่มีหม้อน้ำด้านนอก เป็นโถลอยตัวนั่นเองค่ะ
ในส่วนด้านข้างจะเป็นพื้นที่อาบน้ำค่ะ ซึ่งทางโครงการก็ได้กั้นห้องอาบน้ำด้วย ฉากกั้นอาบน้ำบานเปลือยเข้ามุมสีชาของแบรนด์ RIVIERA มาพร้อมกับชุดฝักบัว RAIN SHOWER แบบติดเพดาน และ HAND SHOWER ติดผนัง ซึ่งได้เป็นสีทอง เป็นสีพิเศษจาก KOHLER เพิ่มความหรูหราไปอีกระดับค่ะ
ห้องนอนที่ 1
สำหรับห้องนอนที่ 1 จะอยู่ถัดไปจากห้องน้ำเลยนะคะ ภายในห้องนอนที่ 1 นั้นสามารถวางเตียงควีนไซส์ หรือ เตียงขนาด 5 ฟุต ได้สบายๆ เลยค่ะ ผนังทางด้านข้างทางโครงการได้ติดตั้งหน้าต่างบานเลื่อนกระจกเพื่อเปิดระบายอากาศ หรือสามารถเปิดรับลมก็ได้เช่นเดียวค่ะ
และนอกจากนี้ทางโครงการได้ Built in ตู้เสื้อผ้ามาให้เรียบร้อยภายในห้องค่ะ พื้นที่ปลายเตียงมีความกว้างประมาณ 0.60 ม. สามารถเดินรอบเตียงได้แบบสบายๆ เลยค่ะ
ห้องน้ำ Master Bedroom
เมื่อเข้ามายังห้อง Master Bedroom นะคะ เราจะพบกับโซน Walk – in Closet ก่อนเป็นอันดับแรกนะคะ ซึ่งทางโครงการนั้นออกแบบมาให้เป็นรูปตัวแอล บานประตูเป็นกระจกสี bronze พื้นที่ด้านหน้ามีระยะ เปิด - ปิด ตู้เสื้อผ้าประมาณ 1 เมตร สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกแน่นอนค่ะ
ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นในส่วนของห้องน้ำค่ะ จะพบกับส่วนของอ่างล้างหน้า และ อ่างอาบน้ำนะคะ ซึ่งน้อง Genie จะพูดถึงในส่วนของอ่างล้างหน้าก่อนนะคะ
สำหรับอ่างล้างหน้านั้นทางโครงการได้ติดตั้งเป็นเคาน์เตอร์แบบฝังแนวยาว ซึ่งสามารถใช้พร้อมกันได้ 2 คน หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ อ่างล้างหน้าแบบ His & Her นั่นเองค่ะ มาพร้อมกับกระจกบานใหญ่เต็มความกว้าง และที่พิเศษไปมากกว่านั้นนะคะ ตรงบานกระจกสามารถเปิดออกมา เพื่อเก็บของใช้ได้อีกด้วยนะคะ เรียกได้ว่าประหยัดพื้นที่แบบสุดๆ ไปเลยค่ะ
สำหรับอ่างอาบน้ำนะคะ จะอยู่ด้านหลังของอ่างอาบน้ำค่ะ เป็นอ่างอาบน้ำแบบลอยตัว มีขนาด 1.54 x 0.74 ของแบรนด์ KOHLER สามารถลงไปแช่ได้ทั้งตัวเลยค่ะ
ถัดเข้าไปนะคะ จะเป็นในส่วนของโถสุขภัณฑ์ค่ะ ซึ่งจะเป็นของแบรนด์ KOHLER เช่นเดียวกัน โดยโถสุขภัณฑ์จะเป็นระบบฝารองนั่งอัตโนมัติ ซึ่งจะไม่มีหม้อน้ำด้านนอก เป็นโถลอยตัวนั่นเองค่ะ
ฝั่งข้ามจะเป็นพื้นที่อาบน้ำค่ะ มีขนาด 0.98 x 1.00 ม. มีการติดตั้งฉากกั้นกระจกสีชา ของแบรนด์ RIVIERA ภายในมีการลดระดับพื้นให้ต่ำกว่าเล็กน้อย เพื่อแบ่งโซนเปียก และโซนแห้งค่ะ ส่วนชุดฝักบัว RAIN SHOWER แบบติดเพดาน และ HAND SHOWER ติดผนัง ซึ่งได้เป็นสีทอง เป็นสีพิเศษจาก KOHLER อีกเช่นเดียวกันค่ะ
Master Bedroom
สำหรับห้อง Master Bedroom นะคะ ภายในห้องนั้นกว้างมากๆ ค่ะ สามารถวางเตียงขนาด 5 - 6 ฟุตได้สบายๆ เลยค่ะ พื้นที่ปลายเตียงก็ค่อนข้างกว้าง สามารถวางเป็นโต๊ะวางทีวี หรือ Built in เป็นตู้เก็บของก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
ในส่วนของผนังห้องนะคะ โครงการได้ให้มาเป็นกระจก Full Height ที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลยค่ะ นอกจากนี้ยังติดตั้งบานกระทุ้งมาให้อีก 1 บานเพื่อเปิดระบายอากาศ หรือ รับลมนั่นเองค่ะ
ข้อมูลประกอบ VR
สำหรับห้องตัวอย่างห้องแรกที่น้อง Genie จะพาไปชมนะคะ จะเป็นห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 98 ตร.ม. ซึ่งห้องนี้ทางทิศเหนือ (North Wing) ค่ะ
จุดเด่นของห้องนี้
👍 มีห้องน้ำส่วนกลางอยู่ที่ด้านหน้า
👍 ส่วนครัวสามารถกั้นเป็น ครัวปิดได้ค่ะ เนื่องจากว่าโครงการจะให้เป็นแบบครัวเปิดมา
👍 ผนังด้านนอกจากครัว มาถึงห้องนั่งเล่น จะเป็นผนังกระเบื้องค่ะ
สำหรับโครงการนี้นะคะ เปิดขายห้องแบบ Fully Fitted ค่ะ คือ จะให้มาในส่วนของห้องครัว ชุดครัว ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นเท่านั้นค่ะ ซึ่งห้องแรกที่น้อง Genie จะพาไปรับชมนั้นจะอยู่ที่ชั้น 9 ค่ะ การตกแต่งห้องนี้ถือว่าลงตัวมากๆ ค่ะ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามาดูรายละเอียดข้างในห้องกันเลยดีกว่าค่ะ
สำหรับห้องนี้นะคะ ทางโครงการประตูทางเข้ามาแบบมาตรฐาน ซึ่งจะเป็นประตูไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต โดยจะมีการตัดเส้นโลหะสีทอง เพิ่มความเป็นพรีเมียมนั่นเองค่ะ และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยทางโครงการได้ติดตั้งเป็น Digital Door Lock ของแบรนด์ Yale มาให้ค่ะ สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งหมด3 ฟังก์ชัน ได้แก่ รหัสผ่าน, คีย์การ์ด และกุญแจ นั่นเองค่ะ
และเมื่อเราเขามาด้านในนะคะ จะเห็นว่าติดกับประตูทางเข้า จะมีตู้เก็บรองเท้าแบบ Built in มาให้ซึ่งมีขนาดความสูงจากพื้นถึงฝ้า ประมาณ 3.15 เมตรเลยค่ะ และที่ดูพิเศษมากๆ เลยนะคะ คือทางโครงการใช้วัสดุเดียวกันกับชุดเคาน์เตอร์ครัว ซึ่งจะทำดูกลมกลืนไปกับผนังนั่นเองค่ะ
บริเวณโซนครัว
สำหรับโซนห้องครัวของที่นี่นะคะ ทางโครงการจะให้มาเป็นครัวเปิดค่ะ มีขนาดที่กว้างพอสมควรค่ะ หากเพื่อนๆ ต้องการกั้นเป็นครัวปิด ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันค่ะ
ในส่วนของอุปกรณ์ในห้องครัวนะคะ ทางโครงการจะมี เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันใช้ของยี่ห้อ GAGGENAU ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีคุณภาพสูง ในประเทศเยอรมนี อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้นำด้านการออกแบบและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยอีกด้วยค่ะ
นอกจากนั้นยังมีอ่างล้างจานมาพร้อมกับก๊อกน้ำพร้อมใช้งานจากแบรนด์ KOHLER และด้านข้างมีเตาอบ ไมโครเวฟ และตู้เย็นแบบประตูเดียวจาก BOSCH มาให้อีกด้วยค่ะ ด้านบนจะเป็นชั้นเก็บของ ซึ่งสามารถเก็บของได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ
ซึ่งอุปกรณ์ทุกชิ้นในห้องครัวนั้นจะถูก Built in ติดผนังมาให้ทั้งหมดนะคะ จึงทำให้มีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะ และยังสามารถเก็บของได้เยอะเช่นเดียวกัน
เข้ามาด้านในเราจะพบกับโซนรับประทานอาหารนะคะ ซึ่งห้องนี้ทางโครงการได้วางโต๊ะขนาด 6 ที่นั่งมาให้ดูเป็นไอเดียนะคะ ซึ่งต้องบอกว่าถึงจะเป็นโต๊ะขนาด 6 ที่นั่งก็ยังดูไม่อึดอัด พื้นที่ใช้สอยก็ยังเหลือเฟือค่ะ
ส่วนของฝ้าเพดานทำเป็นนั้นออกแบบเป็นหลุมซ่อนไฟ ตกแต่งด้วยโคมไฟแขวน เพิ่มความหรูหราให้กับตัวห้องได้มากทีเดียวค่ะ
บริเวณห้องนั่งเล่น
ถัดจากโซนรับประทานอาหารจะเป็นในส่วนของห้องนั่งเล่นค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าจัดพื้นที่ออกมาได้กว้างมากๆ ค่ะ มีระยะจากโซฟาถึงหน้าทีวีประมาณ 3.60 เมตร สามารถวางทีวีที่มีขนาดใหญ่ หรือขนาด 55 นิ้วได้สบายๆ เลยค่ะ
ระเบียง
ในส่วนของระเบียงนะคะ จะอยู่ติดกับห้องนั่งเล่นเลยค่ะ สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้อย่างสบายๆ เลยค่ะ โดยระเบียงนะคะ ทางโครงการได้ออกแบบมาในรูปแบบ ประตูบานเลื่อนกระจกแบบ Full Height Insulated Glass มีความสูงจากพื้นถึงเพดานประมาณ 3.15 ซม. และมีความหนาประมาณ 2 ซม. ค่ะ ซึ่งตัวกระจกที่โครงการให้มาน้อง Genie ต้องบอกก่อนว่าจะมีความพิเศษมากๆ ค่ะ เนื่องจากว่าเราจะได้กระจกที่มีทั้งแผ่นด้านใน และแผ่นด้านนอก โดยที่ตรงระหว่างกระจกจะเป็นช่องว่าง หรือเรียกว่า Air Gap นั่นเองค่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า Air Gap มีประโยชน์อย่างไรใช่ไหมคะ ตัว Air Gap นั้นจะสามารถช่วยในเรื่องของความร้อน และ เสียงรบกวนได้เป็นอย่างดีค่ะ
สำหรับขนาดระเบียงที่ด้านนอกนะคะ จะมีความกว้างประมาณ 1.10 x 3.60 เมตร สามารถจักเป็นมุมพักผ่อน รับลม ชมวิว หรือนั่งจิบกาแฟก็เก๋ไก๋อีกแบบค่ะ
ห้องน้ำ
ถัดมาจะเป็นในส่วนของห้องน้ำค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าห้องนี้จะมีห้องน้ำส่วนกลางอยู่ด้านหน้าเลยค่ะ สามารถใช้รับแขก หรือ เพื่อนเวลามาบ้านโดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปใช้ในห้องส่วนตัว เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากยิ่งขึ้นค่ะ
ที่ตั้งของห้องน้ำนะคะ จะอยู่ใกล้กับห้องนอนที่หนึ่งค่ะ ทางโครงการได้ติดตั้งเป็นประตูบานเลื่อนมาให้ ซึ่งทำให้ประหยัดพื้นที่มากกว่าเป็นบานสวิงค่ะ
เมื่อเข้ามาภายในห้องน้ำนะคะ เราจะเจอกับอ่างล้างหน้า ซึ่งต้องบอกว่าพื้นที่มีขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่เล็กจนเกินไปค่ะ มีกระจกเงาบานใหญ่เต็มความกว้าง มาพร้อมกับชั้นวางของด้านล่างที่เป็นไม้ระแนงดูสวยงามมากค่ะ
เมื่อหันกลับมาจะเป็นในส่วนโถสุขภัณฑ์ของแบรนด์ KOHLER ค่ะ ซึ่งจะไม่มีหม้อน้ำด้านนอก เป็นโถลอยตัวนั่นเองค่ะ
ในส่วนด้านข้างจะเป็นพื้นที่อาบน้ำค่ะ ซึ่งทางโครงการก็ได้กั้นห้องอาบน้ำด้วย ฉากกั้นอาบน้ำบานเปลือยเข้ามุมสีชาของแบรนด์ RIVIERA มาพร้อมกับชุดฝักบัว RAIN SHOWER แบบติดเพดาน และ HAND SHOWER ติดผนัง ซึ่งได้เป็นสีทอง เป็นสีพิเศษจาก KOHLER เพิ่มความหรูหราไปอีกระดับค่ะ
ห้องนอนที่ 1
สำหรับห้องนอนที่ 1 จะอยู่ถัดไปจากห้องน้ำเลยนะคะ ภายในห้องนอนที่ 1 นั้นสามารถวางเตียงควีนไซส์ หรือ เตียงขนาด 5 ฟุต ได้สบายๆ เลยค่ะ ผนังทางด้านข้างทางโครงการได้ติดตั้งหน้าต่างบานเลื่อนกระจกเพื่อเปิดระบายอากาศ หรือสามารถเปิดรับลมก็ได้เช่นเดียวค่ะ
และนอกจากนี้ทางโครงการได้ Built in ตู้เสื้อผ้ามาให้เรียบร้อยภายในห้องค่ะ พื้นที่ปลายเตียงมีความกว้างประมาณ 0.60 ม. สามารถเดินรอบเตียงได้แบบสบายๆ เลยค่ะ
ห้องน้ำ Master Bedroom
เมื่อเข้ามายังห้อง Master Bedroom นะคะ เราจะพบกับโซน Walk – in Closet ก่อนเป็นอันดับแรกนะคะ ซึ่งทางโครงการนั้นออกแบบมาให้เป็นรูปตัวแอล บานประตูเป็นกระจกสี bronze พื้นที่ด้านหน้ามีระยะ เปิด - ปิด ตู้เสื้อผ้าประมาณ 1 เมตร สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกแน่นอนค่ะ
ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นในส่วนของห้องน้ำค่ะ จะพบกับส่วนของอ่างล้างหน้า และ อ่างอาบน้ำนะคะ ซึ่งน้อง Genie จะพูดถึงในส่วนของอ่างล้างหน้าก่อนนะคะ
สำหรับอ่างล้างหน้านั้นทางโครงการได้ติดตั้งเป็นเคาน์เตอร์แบบฝังแนวยาว ซึ่งสามารถใช้พร้อมกันได้ 2 คน หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ อ่างล้างหน้าแบบ His & Her นั่นเองค่ะ มาพร้อมกับกระจกบานใหญ่เต็มความกว้าง และที่พิเศษไปมากกว่านั้นนะคะ ตรงบานกระจกสามารถเปิดออกมา เพื่อเก็บของใช้ได้อีกด้วยนะคะ เรียกได้ว่าประหยัดพื้นที่แบบสุดๆ ไปเลยค่ะ
สำหรับอ่างอาบน้ำนะคะ จะอยู่ด้านหลังของอ่างอาบน้ำค่ะ เป็นอ่างอาบน้ำแบบลอยตัว มีขนาด 1.54 x 0.74 ของแบรนด์ KOHLER สามารถลงไปแช่ได้ทั้งตัวเลยค่ะ
ถัดเข้าไปนะคะ จะเป็นในส่วนของโถสุขภัณฑ์ค่ะ ซึ่งจะเป็นของแบรนด์ KOHLER เช่นเดียวกัน โดยโถสุขภัณฑ์จะเป็นระบบฝารองนั่งอัตโนมัติ ซึ่งจะไม่มีหม้อน้ำด้านนอก เป็นโถลอยตัวนั่นเองค่ะ
ฝั่งข้ามจะเป็นพื้นที่อาบน้ำค่ะ มีขนาด 0.98 x 1.00 ม. มีการติดตั้งฉากกั้นกระจกสีชา ของแบรนด์ RIVIERA ภายในมีการลดระดับพื้นให้ต่ำกว่าเล็กน้อย เพื่อแบ่งโซนเปียก และโซนแห้งค่ะ ส่วนชุดฝักบัว RAIN SHOWER แบบติดเพดาน และ HAND SHOWER ติดผนัง ซึ่งได้เป็นสีทอง เป็นสีพิเศษจาก KOHLER อีกเช่นเดียวกันค่ะ
Master Bedroom
สำหรับห้อง Master Bedroom นะคะ ภายในห้องนั้นกว้างมากๆ ค่ะ สามารถวางเตียงขนาด 5 - 6 ฟุตได้สบายๆ เลยค่ะ พื้นที่ปลายเตียงก็ค่อนข้างกว้าง สามารถวางเป็นโต๊ะวางทีวี หรือ Built in เป็นตู้เก็บของก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
ในส่วนของผนังห้องนะคะ โครงการได้ให้มาเป็นกระจก Full Height ที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลยค่ะ นอกจากนี้ยังติดตั้งบานกระทุ้งมาให้อีก 1 บานเพื่อเปิดระบายอากาศ หรือ รับลมนั่นเองค่ะ
ข้อมูลประกอบ VR
สำหรับห้องตัวอย่างห้องที่สองน้อง Genie จะพาไปชมนั้นจะเป็น Type 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 130.40 ตร.ม. ค่ะ ซึ่งห้องนี้ทางทิศใต้ (South Wing) ค่ะ
จุดเด่นของห้องนี้
👍 มีลิฟต์ส่วนตัว (Private Lift)
👍 เฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งภายในห้องเป็นของแบรนด์ Fendi Casa
สำหรับห้องนี้นะคะ น้อง Genie ต้องบอกว่าห้องนี้มีความพิเศษมากๆ เพราะว่ามี Private Lift ที่สามารถขึ้นมาถึงห้องเราได้เลยค่ะ มีความเป็นส่วนตัว และ มีความปลอดภัยมากๆ ค่ะ เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ความพิเศษของห้องนี้คือ เฟอร์นิเจอร์ และ ของตกแต่งห้องทั้งหมดจะเป็นของแบรนด์ Fendi Casa ซึ่งต้องบอกว่าเป็นแบรนด์ระดับ High end ที่เป็น Iconic Fasion จากอิตาลี ซึ่งภายในห้องนั้นจะเป็นอย่างไร ไปรับชมกันเลยดีกว่าค่าาา
สำหรับห้องนี้นะคะ จะมีทางเข้าทั้งหมด 2 ทาง คือทางเข้าที่เป็น Private Lift และ ทางเข้าที่ปกติที่ใช้ลิฟต์ส่วนรวมนะคะ ซึ่งน้อง Genie ได้มีโอกาสใช้ Private Lift เพื่อขึ้นมายังห้องนี้ด้วยค่ะ เมื่อเราออกมาจาก Private Lift แล้วสิ่งแรกที่เราจะเจอเลยก็คือ โถงทางเข้าค่ะ ซึ่งภายในโถงนี้จะมีพื้นที่ที่กว้างพอสมควรค่ะ และทางโครงการได้ Built in ตู้รองเท้ามาให้ไว้ที่จุดนี้ด้วยค่ะ เพื่อความสะดวก และ ความเรียบร้อยก่อนเข้าห้องนั่นเองค่ะ
ซึ่งตู้รองเท้านะคะ มีความกว้าง และ ใหญ่พอสมควรค่ะ สามารถเก็บของ หรือ เก็บรองเท้าได้เยอะมากๆ หน้าบานกรุด้วย High Gloss painted พร้อมติดตั้งไฟมาให้พร้อมใช้งานค่ะ
และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นนะคะ ทางโครงการได้ติดตั้งประตูที่มีใช้ระบบ Digital Door Lock ของแบรนด์ Yale มาให้ค่ะ สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งหมด 3 ฟังก์ชัน ได้แก่ รหัสผ่าน, คีย์การ์ด และกุญแจ นั่นเองค่ะ โดยประตูนั้นจะมีความสูงประมาณ 3.15 ม. หรือเรียกได้ว่าสูงเต็มๆ ตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดานเลยค่ะ
บริเวณห้องนั่งเล่น
ถัดเข้ามาจะเป็นในส่วนของห้องนั่งเล่นค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าห้องนี้นั้นมีการจัดพื้นที่แบบเปิดโล่งเลยค่ะ ซึ่งจะรวมทั้งพื้นที่รับประทานอาหาร โซนนั่งเล่น เสริมด้วยระเบียงที่เป็นบานกระจกแบบ Full Height ทั้งหมด ตัววัสดุปูพื้นจะเป็น Engineering Wood มีความแข็งแรง ทนทาน ได้ความรู้สึก และ ผิวสัมผัสไม้จริงๆ เลยค่ะ นอกจากนี้ฝ้าเพดาน ทางโครงการยังมีตกแต่งแบบ ฝ้าหลุมซ่อนไฟ และติดตั้งแอร์แบบฝัง เพื่อความเป็นระเบียบ และ สวยงามนั่นเองค่ะ
สำหรับโซนที่เป็นในส่วนของ ห้องนั่งเล่นนะคะ จะมีโซฟา จากจอทีวีประมาณ 4 ม. สามารถวางทีวีที่มีขนาดใหญ่ หรือประมาณ 60 นิ้วได้อย่างสบายๆ เลยค่ะ และความพิเศษที่น้อง Genie ได้กล่างไปตั้งแต่ต้นแล้วนะคะ ว่าห้องนี้นั้นตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ Fendi Casa เพราะฉะนั้นการตกแต่งจะมีการคลุมโทน ให้ความรู้สึกเรียบหรู
ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นนั้นเป็นแบบ Hand Made จากอิตาลีเลยค่ะ เนื้อสัมผัสทุกชิ้นจะเป็นเนื้อกำมะหยี่ หรูหราน่าใช้งานมากๆ ค่ะ
ห้องอเนกประสงค์
ในส่วนด้านหลังของพื้นที่นั่งเล่นนะคะ จะเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ ซึ่งห้องตัวอย่างที่น้อง Genie ได้พามาชมนั้น ได้จัดเป็นห้องทำงานค่ะ ซึ่งถือว่ามีความเหมาะมากค่ะ แต่ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถดัดแปลงห้องนี้ให้เป็นห้องสัตว์เลี้ยง หรือ เป็นห้องนอนอีกหนึ่งห้องก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ เพราะว่าห้องนี้มีความกว้างพอสมควรเลย
ที่สำคัญห้องนี้จะมีประตูบานเลื่อนที่เป็นกระจกแบบ Full Height เช่นเดียวกับตัวของประตูบานเลื่อนระเบียงค่ะ และที่พิเศษมากๆ นะคะ กระจกบานเลื่อนห้องนี้จะให้อารมณ์คล้ายๆ ผ้าฝ้าย หรือผ้าไหมฝังอยู่ด้านใน ซึ่งนั่นทำให้เวลาเลื่อนปิดจะดูไม่ทึบเกินไป แต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มมากขึ้นด้วยนั่นเองค่ะ
ระเบียง
ถัดจากโซนห้องนั่งเล่น และ ห้องอเนกประสงค์นะคะ จะเป็นในส่วนของระเบียงค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าระเบียงห้องนี้ทั้งใหญ่ และ ยาวมาก ก.ไก่ล้านตัว >< มีความยาวครอบคลุมตั้งแต่โซนพื้นที่นั่งเล่นไปจนถึงห้องอเนกประสงค์เลยค่ะ และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ตัวประตูบานเลื่อนนั้นเป็นกระจกที่มีความสูงแบบ Full Height ซึ่งทางโครงการได้ใช้กระจกชนิด Double glazed tempered glass ซึ่งจะช่วยในเรื่องของกันแสงแดด และ เสียงรบกวนภายนอก ไม่ให้เข้ามารบกวนเรานั่นเองค่ะ
ในส่วนของพื้นที่ระเบียงภายนอกนั้นต้องบอกว่ามีความกว้างมากๆ เพื่อน สามารถจัดเป็นสวนเล็กๆ มานั่งจิบชา จิบกาแฟได้แบบสบายๆ เลยค่ะ เพราะในส่วนของระเบียงตรงนี้จะไม่มีคอมเพรสเซอร์แอร์มาวางบดบังวิว นอกจากนี้ตัวราวกันตกยังออกแบบให้เป็นกระจก เราสามารถมองเห็นวิวได้สบายๆ โดยที่ไม่รู้สึกอึดอัดเลยค่ะ
ก่อนที่เราจะไปรับชมห้องครัวนะคะ น้อง Genie จะพาเพื่อนๆ ไปดูโต๊ะรับประทานอาหารของห้องนี้กันค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าทั้งชุดนั้นเป็นของแบรนด์ Fendi Casa ทั้งหมดเลยค่ะ ซึ่งห้องนี้ทางโครงการวางมาให้ดูเป็นตัวอย่างประกอบไปด้วย โต๊ะกลม 4 ที่นั่ง แต่ถ้าเพื่อนๆ อยู่กันมากกว่า 4 ท่านก็สามารถวางเป็นโต๊ะเหลี่ยม หรือ สามารถวางตามความชอบได้เลยค่ะ เนื่องจากมีพื้นที่เหลือๆ อยู่แล้วค่ะ
บริเวณห้องครัว
สำหรับห้อง Type นี้นะคะ จะได้เป็นห้องครัวที่เป็นครัวแบบปิดค่ะ ซึ่งอย่างที่น้อง Genie กล่าวไปแล้วนะคะว่า โครงการนี้เปิดขายแบบ Fully Fitted ซึ่งทางโครงการจะให้เฟอร์นิเจอร์มาเพียงบางชิ้นเท่านั้น และอย่างที่ห้องครัวนี้นะคะ ทางโครงการก็ได้ Built in เคาน์เตอร์ครัว ตู้เก็บของมาให้เราตามแบบห้องตัวอย่างนี้เลยค่ะ
สำหรับห้องครัวนี้นะคะ ทางโครงการจะ Built in เคาน์เตอร์ครัวที่มีความสูงจากพื้นไปจนถึงฝ้าเลยนะคะ Top เคาน์เตอร์จะเป็นหินสังเคราะห์ ซึ่งมีคุณสมบัติทนความร้อน ความชื้น และ มีความแข็งแรงมากๆ ค่ะ ในส่วนของผนังด้านหลังนะคะ จะเป็น Compressed Quartz หรือ Back Painted Glass ซึ่งสามารถเช็ดทำความสะอาดเวลาที่เราทำอาหาร และเกิดมีคราบกระเด็นไปโดนนั่นเองค่ะ
ในส่วนของตู้เก็บของด้านล่างทางโครงการเลือกใช้หน้าบานเป็นลามิเนต ลายไม้ค่ะ ซึ่งตัดกับพื้นและ ตัวเคาน์เตอร์เพิ่มความสวยงามค่ะ ส่วนของตู้ด้านหลัง และ ด้านบนเคาน์เตอร์นะคะ หน้าบานทั้งหมดจะเป็น High Gloss painted ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทานมากๆ บวกกับสามารถทำความสะอาดได้ง่าย แถมมีความแวววาวสวยงามมากๆ เลยค่ะ
ในส่วนของวัสดุปูพื้นนะคะ ทางโครงการเลือกใช้ กระเบื้องพอร์ซเลน ซึ่งมีความทนทาน และ สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เนื่องจากห้องนี้เป็นห้องครัว เวลาทำอาหารอาจจะมีเศษอาหาร หรือ น้ำหกเลอะเทอะบ้าง ซึ่งพื้นกระเบื้องแบบนี้จะสามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่าพื้นไม้นั่นเองค่ะ
และสำหรับอุปกรณ์ที่ทางโครงการให้เรามาด้วยนั้นจะมีในส่วนของ อุปกรณ์ไฟฟ้า เตาไฟฟ้าเครื่องดูดควัน และ เตาอบไมโครเวฟ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นของแบรนด์ GAGGENAU จากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีคุณภาพสูง ในประเทศเยอรมนี อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้นำด้านการออกแบบและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยสมัยอีกด้วยค่ะ ถัดมาจะเป็นส่วนของซิงค์ล้างจาน ของแบรนด์ KOHLER ค่ะ
ในส่วนของด้านหลังเคาน์เตอร์ครัวจะมีตู้เย็นแบบ 2 ประตู Built in ติดผนังเลย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน และ ประหยัดพื้นที่อีกด้วยค่ะ และพื้นที่ข้างๆ ตู้เย็นนั้นจะเป็นชั้นสำหรับเก็บเครื่องปรุง หรือ อุปกรณ์และวัตถุดิบในครัวให้อีกด้วยค่ะ ข้างกันจะเป็นเตาอบแบรนด์ GAGGENAU อีกเช่นเดียวกันค่ะ
ตรงพื้นที่ที่ติดตั้งเตาอบนั้นด้านล่างทางโครงการจะวางเครื่องซักผ้าที่เป็นแบบ 2 In 1 คือมีทั้งตัวซัก และ อบแห้งมาให้ในตัว ซึ่งจะได้เฉพาะผู้ที่ซื้อห้องในรูปแบบ 2 Bedroom ขึ้นไปนะคะ
นอกจากนี้ใต้เคาน์เตอร์ครัวนั้นทางโครงการยังให้เครื่องล้างจานแบรนด์ BOSCH แบบ 2 ตะแกรง สามารถแยกถ้วย จาน ช้อน ส้อม หรือ มีด เพื่อทำความสะอาดได้อีกด้วยค่ะ ตัวเครื่องล้างจานนั้นค่อนข้างมีเสียงเงียบไม่รบกวนผู้อื่นในระหว่างที่ใช้งานแน่นอนค่ะ
และหากเพื่อนๆ ดูจาก VR Tour นะคะ จะเห็นได้ว่าภายในห้องครัวนั้น มีประตูอีก 1 ประตู ซึ่งประตูตัวนี้จะเชื่อมต่อกับโถงทางเดนหน้าห้องค่ะ พูดง่ายๆ คือเราสามารถขึ้นลิฟต์ส่วนรวม และ มาเข้าห้องที่ประตูนี้ได้เช่นเดียวกันค่ะ
และก่อนที่เราจะผ่านเข้าไปยังโซนพักผ่อนนะคะ จะมีโถงทางเดินขนาดเล็กเชื่อมต่อกับห้องนอนเล็ก และ ห้อง Master Bedroom ค่ะ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้สามารถวางชั้นเก็บของ หรือ ตู้โชว์ได้นะคะ
ห้องน้ำ
ในส่วนของห้องน้ำนะคะ จะอยู่ติดกับห้องนอนเล็กเลยค่ะ เวลาพาแขก หรือ ญาติพี่น้องมา อาจจะต้องเดินเข้ามาในพื้นที่โซนนี้อาจจะไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่นะคะ
เมื่อเข้ามาด้านในห้องน้ำนะคะ จะเห็นได้ว่ามีการแยกโซนเปียก และ โซนแห้งอย่างชัดเจนค่ะ สำหรับโซนแห้งนั้นจะมีขนาดพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็กจนเกินไปค่ะ มีกระจกเงาบานใหญ่เต็มพื้นที่ พร้อมกับพื้นที่เก็บของหลังกระจกให้อีกด้วยค่ะ
ในส่วนของเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้านะคะ จะมีพื้นที่ด้านข้าง และ ด้านหลังโถสุขภัณฑ์สามารถวางของได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ด้านล่างจะเป็นชั้นไม้ระแนงสามารถวางผ้าเช็ดตัวได้อีกด้วยค่ะ
ในส่วนของห้องอาบน้ำนะคะจะมีพื้นที่ประมาณ 1 x 1.13 ม. พื้นในห้องจะถูกลดระดับลงไปเล็กน้อยค่ะ เพื่อป้องกันน้ำไม่ให้ไหลออกมาด้านนอก ซึ่งทางโครงการก็ได้กั้นห้องอาบน้ำด้วย ฉากกั้นอาบน้ำบานเปลือยเข้ามุมสีชาของแบรนด์ RIVIERA มาพร้อมกับชุดฝักบัว RAIN SHOWER แบบติดเพดาน และ HAND SHOWER ติดผนัง ซึ่งได้เป็นสีทอง เป็นสีพิเศษจาก KOHLER เพิ่มความหรูหราไปอีกระดับค่ะ
บริเวณห้องนอนเล็ก
เมื่อเดินเข้ามาอีกนิดจะเป็นในส่วนของห้องนอนเล็กค่ะ แต่น้อง Genie ต้องบอกว่าไม่เล็กตามชื่อนะคะ ห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด ควีนไซส์ หรือประมาณ 5 ฟุตได้แบบสบายๆ เลยค่ะ ผนังด้านข้างจะเป็นกระจก Full Height เป็นกระจกบาน Fix ค่ะ นอกจากนี้ทางโครงการยังให้หน้าต่างบานกระทุ้งมาให้อีก 1 จุดซึ่งสามารถเปิดระบายอากาศ หรือ เปิดรับลมได้ค่ะ
ในส่วนของผนังทางด้านขวาทางโครงการได้ Built in เป็นตู้เสื้อผ้า พร้อมกับติดตั้งแอร์แบบฝังฝ้ามาให้เรียบร้อยค่ะ และที่พิเศษไปกว่านั้นทางโครงการมีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย Smoke Detector และ Sprinkler มาให้อีกด้วยค่ะ
ห้อง Master Bedroom
ถัดจากห้องนอนเล็กจะเป็นในส่วนของห้อง Master Bedroom ค่ะ เมื่อเข้ามาภายในห้องก็จะพบกับโซนที่เป็น Walk – in Closet ก่อนเลยค่ะ ซึ่งจะอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำเลยค่ะ ซึ่งทางโครงการได้มีการ Built in ตู้เสื้อผ้าเป็นรูปตัว U ค่ะ ซึ่งตู้เสื้อผ้านี้จะมีความพิเศษก็คือ เมื่อเราเปิดตู้ จะมีไฟติดอัตโนมัติเลยค่ะ สะดวกมากๆ
ถัดจาก Walk – in Closet จะเป็นในส่วนของห้องน้ำค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าห้องน้ำนั้นแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัวมากค่ะ เริ่มกันที่อ่างล้างหน้าค่ะ จะเป็นอ่างแบบฝังลงไปในเคาน์เตอร์เลย และเป็นอ่างแบบ His & Her สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 คนเลยค่ะ ตัวก๊อกน้ำจะมาจากแบรนด์ KOHLER ค่ะ พื้นที่เก็บของนั้นจะซ่อนอยู่ด้านหลังกระจกค่ะ ซึ่งเราสามารถใช้งานห้องน้ำได้อย่างเต็มที่เลย นอกจากนี้ยังมีชั้นเก็บของที่อยู่ด้านล่างเคาน์เตอร์ เป็นไม้ระแนงค่ะ สามารถเก็บผ้าเช็ดตัว หรือวางของใช้ในห้องน้ำได้ค่ะ
ฝั่งตรงข้างของอ่างล้างหน้านะคะ จะเป็นในส่วนของอ่างอาบน้ำค่ะ ซึ่งทางโครงการจะให้มาเป็นแบบลอยตัวนะคะ ตัวอ่างอาบน้ำจะมีขนาด 1.54 x 0.74 ม. จะอยู่ติดกับผนังกระจกเลยนะคะ สามารถแช่น้ำไป ชมวิวไปได้เลยค่ะ
ในส่วนของพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.17 x 1.22 ม. และ โถสุขภัณฑ์นั้นทางโครงการได้แยกมาให้อยู่คนละส่วน โดยการกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำบานเปลือยเข้ามุมสีชาของแบรนด์ RIVIERA มาพร้อมกับชุดฝักบัว RAIN SHOWER แบบติดเพดาน และ HAND SHOWER ติดผนัง ซึ่งได้เป็นสีทอง เป็นสีพิเศษจาก KOHLER เพิ่มความหรูหราไปอีกระดับค่ะ
ส่วนห้องของโถสุขภัณฑ์นั้นจะมีขนาด 1.26 x 1.13 ม. ค่ะ โดยโถสุขภัณฑ์จะเป็นระบบ Sensor คือสามารถเปิด - ปิดได้เองอัตโนมัติเลยค่ะ สะดวกสบายสุดๆ
ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นในส่วนของห้องนอนค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าห้องนี้มีขนาดใหญ่มากๆ ค่ะ สามารถวางเตียงขนาด 5 - 6 ฟุตได้สบายๆ เลยค่ะ พื้นที่ข้างๆ เตียงสามารถวางโต๊ะขนาดเล็กได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ
ผนังด้านข้างจะเป็นกระจกแบบ Full Height พร้อมกับหน้าต่างบ้านกระทุ้งมาให้อีก 1 จุด เราสามารถเปิดรับลม ระบายอากาศได้ค่ะ
จาก VR นะคะ เพื่อๆจะสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ไม่ว่าจะเป็น ผ้าปูที่นอน เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งทั้งหมดจะเป็นของแบรนด์ Fendi Casa ทั้งหมดเลยนะคะ และที่น้อง Genie ชอบมากๆ เลย คือ ห้องนี้คลุมโทนการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ขาตั้งโต๊ะ ผนัง ออกแนวคลุมโทนทั้งหมดค่ะ เข้ากับ Theme ห้องสุดๆ ค่ะ
นอกจากนี้อีกมุมนึงของห้องนั้น ยังสามารถวางโต๊ะ หรือ ชั้นหนังสือพร้อมมุมพักผ่อนได้สบายๆ เลยค่ะ เพิ่มความเรียบหรูด้วยการวางเก้าอี้จาก Fendi Casa ตกแต่งเป็นมุมพักผ่อน ชมวิวเมือง ก็เก๋ไปอีกแบบค่ะ
สิ่งที่น้อง Genie ชอบมากๆ ของห้องนี้ คือ ห้องนี้จะมีแสงจากธรรมชาติเยอะมากๆ เนื่องจากว่าทางโครงการนั้นเน้นเปลี่ยนผนังทึบ ให้กลายเป็นกระจก แบบ Full Height ทั้งหมด ทำให้เราจะได้แสงจากธรรมชาติแบบสุดๆ เลยค่ะ
แต่หากเพื่อนๆ คนไหนที่กังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากเสียงภายนอก ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เนื่องจากว่าทางโครงการได้ใช้กระจกชนิดพิเศษ Full Height Insulated Glass และมีความหนาประมาณ 2 ซม. และที่สำคัญ เราจะได้กระจกที่มีทั้งแผ่นด้านใน และแผ่นด้านนอก โดยที่ตรงระหว่างกระจกจะเป็นช่องว่าง หรือเรียกว่า Air Gap นั่นเองค่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า Air Gap มีประโยชน์อย่างไรใช่ไหมคะ ตัว Air Gap นั้นจะสามารถช่วยในเรื่องของความร้อน และ เสียงรบกวนได้เป็นอย่างดีค่ะ
ข้อมูลประกอบ VR
สำหรับห้องตัวอย่างห้องที่สองน้อง Genie จะพาไปชมนั้นจะเป็น Type 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 130.40 ตร.ม. ค่ะ ซึ่งห้องนี้ทางทิศใต้ (South Wing) ค่ะ
จุดเด่นของห้องนี้
👍 มีลิฟต์ส่วนตัว (Private Lift)
👍 เฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งภายในห้องเป็นของแบรนด์ Fendi Casa
สำหรับห้องนี้นะคะ น้อง Genie ต้องบอกว่าห้องนี้มีความพิเศษมากๆ เพราะว่ามี Private Lift ที่สามารถขึ้นมาถึงห้องเราได้เลยค่ะ มีความเป็นส่วนตัว และ มีความปลอดภัยมากๆ ค่ะ เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ความพิเศษของห้องนี้คือ เฟอร์นิเจอร์ และ ของตกแต่งห้องทั้งหมดจะเป็นของแบรนด์ Fendi Casa ซึ่งต้องบอกว่าเป็นแบรนด์ระดับ High end ที่เป็น Iconic Fasion จากอิตาลี ซึ่งภายในห้องนั้นจะเป็นอย่างไร ไปรับชมกันเลยดีกว่าค่าาา
สำหรับห้องนี้นะคะ จะมีทางเข้าทั้งหมด 2 ทาง คือทางเข้าที่เป็น Private Lift และ ทางเข้าที่ปกติที่ใช้ลิฟต์ส่วนรวมนะคะ ซึ่งน้อง Genie ได้มีโอกาสใช้ Private Lift เพื่อขึ้นมายังห้องนี้ด้วยค่ะ เมื่อเราออกมาจาก Private Lift แล้วสิ่งแรกที่เราจะเจอเลยก็คือ โถงทางเข้าค่ะ ซึ่งภายในโถงนี้จะมีพื้นที่ที่กว้างพอสมควรค่ะ และทางโครงการได้ Built in ตู้รองเท้ามาให้ไว้ที่จุดนี้ด้วยค่ะ เพื่อความสะดวก และ ความเรียบร้อยก่อนเข้าห้องนั่นเองค่ะ
ซึ่งตู้รองเท้านะคะ มีความกว้าง และ ใหญ่พอสมควรค่ะ สามารถเก็บของ หรือ เก็บรองเท้าได้เยอะมากๆ หน้าบานกรุด้วย High Gloss painted พร้อมติดตั้งไฟมาให้พร้อมใช้งานค่ะ
และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นนะคะ ทางโครงการได้ติดตั้งประตูที่มีใช้ระบบ Digital Door Lock ของแบรนด์ Yale มาให้ค่ะ สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งหมด 3 ฟังก์ชัน ได้แก่ รหัสผ่าน, คีย์การ์ด และกุญแจ นั่นเองค่ะ โดยประตูนั้นจะมีความสูงประมาณ 3.15 ม. หรือเรียกได้ว่าสูงเต็มๆ ตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดานเลยค่ะ
บริเวณห้องนั่งเล่น
ถัดเข้ามาจะเป็นในส่วนของห้องนั่งเล่นค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าห้องนี้นั้นมีการจัดพื้นที่แบบเปิดโล่งเลยค่ะ ซึ่งจะรวมทั้งพื้นที่รับประทานอาหาร โซนนั่งเล่น เสริมด้วยระเบียงที่เป็นบานกระจกแบบ Full Height ทั้งหมด ตัววัสดุปูพื้นจะเป็น Engineering Wood มีความแข็งแรง ทนทาน ได้ความรู้สึก และ ผิวสัมผัสไม้จริงๆ เลยค่ะ นอกจากนี้ฝ้าเพดาน ทางโครงการยังมีตกแต่งแบบ ฝ้าหลุมซ่อนไฟ และติดตั้งแอร์แบบฝัง เพื่อความเป็นระเบียบ และ สวยงามนั่นเองค่ะ
สำหรับโซนที่เป็นในส่วนของ ห้องนั่งเล่นนะคะ จะมีโซฟา จากจอทีวีประมาณ 4 ม. สามารถวางทีวีที่มีขนาดใหญ่ หรือประมาณ 60 นิ้วได้อย่างสบายๆ เลยค่ะ และความพิเศษที่น้อง Genie ได้กล่างไปตั้งแต่ต้นแล้วนะคะ ว่าห้องนี้นั้นตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ Fendi Casa เพราะฉะนั้นการตกแต่งจะมีการคลุมโทน ให้ความรู้สึกเรียบหรู
ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นนั้นเป็นแบบ Hand Made จากอิตาลีเลยค่ะ เนื้อสัมผัสทุกชิ้นจะเป็นเนื้อกำมะหยี่ หรูหราน่าใช้งานมากๆ ค่ะ
ห้องอเนกประสงค์
ในส่วนด้านหลังของพื้นที่นั่งเล่นนะคะ จะเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ ซึ่งห้องตัวอย่างที่น้อง Genie ได้พามาชมนั้น ได้จัดเป็นห้องทำงานค่ะ ซึ่งถือว่ามีความเหมาะมากค่ะ แต่ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถดัดแปลงห้องนี้ให้เป็นห้องสัตว์เลี้ยง หรือ เป็นห้องนอนอีกหนึ่งห้องก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ เพราะว่าห้องนี้มีความกว้างพอสมควรเลย
ที่สำคัญห้องนี้จะมีประตูบานเลื่อนที่เป็นกระจกแบบ Full Height เช่นเดียวกับตัวของประตูบานเลื่อนระเบียงค่ะ และที่พิเศษมากๆ นะคะ กระจกบานเลื่อนห้องนี้จะให้อารมณ์คล้ายๆ ผ้าฝ้าย หรือผ้าไหมฝังอยู่ด้านใน ซึ่งนั่นทำให้เวลาเลื่อนปิดจะดูไม่ทึบเกินไป แต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มมากขึ้นด้วยนั่นเองค่ะ
ระเบียง
ถัดจากโซนห้องนั่งเล่น และ ห้องอเนกประสงค์นะคะ จะเป็นในส่วนของระเบียงค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าระเบียงห้องนี้ทั้งใหญ่ และ ยาวมาก ก.ไก่ล้านตัว >< มีความยาวครอบคลุมตั้งแต่โซนพื้นที่นั่งเล่นไปจนถึงห้องอเนกประสงค์เลยค่ะ และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ตัวประตูบานเลื่อนนั้นเป็นกระจกที่มีความสูงแบบ Full Height ซึ่งทางโครงการได้ใช้กระจกชนิด Double glazed tempered glass ซึ่งจะช่วยในเรื่องของกันแสงแดด และ เสียงรบกวนภายนอก ไม่ให้เข้ามารบกวนเรานั่นเองค่ะ
ในส่วนของพื้นที่ระเบียงภายนอกนั้นต้องบอกว่ามีความกว้างมากๆ เพื่อน สามารถจัดเป็นสวนเล็กๆ มานั่งจิบชา จิบกาแฟได้แบบสบายๆ เลยค่ะ เพราะในส่วนของระเบียงตรงนี้จะไม่มีคอมเพรสเซอร์แอร์มาวางบดบังวิว นอกจากนี้ตัวราวกันตกยังออกแบบให้เป็นกระจก เราสามารถมองเห็นวิวได้สบายๆ โดยที่ไม่รู้สึกอึดอัดเลยค่ะ
ก่อนที่เราจะไปรับชมห้องครัวนะคะ น้อง Genie จะพาเพื่อนๆ ไปดูโต๊ะรับประทานอาหารของห้องนี้กันค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าทั้งชุดนั้นเป็นของแบรนด์ Fendi Casa ทั้งหมดเลยค่ะ ซึ่งห้องนี้ทางโครงการวางมาให้ดูเป็นตัวอย่างประกอบไปด้วย โต๊ะกลม 4 ที่นั่ง แต่ถ้าเพื่อนๆ อยู่กันมากกว่า 4 ท่านก็สามารถวางเป็นโต๊ะเหลี่ยม หรือ สามารถวางตามความชอบได้เลยค่ะ เนื่องจากมีพื้นที่เหลือๆ อยู่แล้วค่ะ
บริเวณห้องครัว
สำหรับห้อง Type นี้นะคะ จะได้เป็นห้องครัวที่เป็นครัวแบบปิดค่ะ ซึ่งอย่างที่น้อง Genie กล่าวไปแล้วนะคะว่า โครงการนี้เปิดขายแบบ Fully Fitted ซึ่งทางโครงการจะให้เฟอร์นิเจอร์มาเพียงบางชิ้นเท่านั้น และอย่างที่ห้องครัวนี้นะคะ ทางโครงการก็ได้ Built in เคาน์เตอร์ครัว ตู้เก็บของมาให้เราตามแบบห้องตัวอย่างนี้เลยค่ะ
สำหรับห้องครัวนี้นะคะ ทางโครงการจะ Built in เคาน์เตอร์ครัวที่มีความสูงจากพื้นไปจนถึงฝ้าเลยนะคะ Top เคาน์เตอร์จะเป็นหินสังเคราะห์ ซึ่งมีคุณสมบัติทนความร้อน ความชื้น และ มีความแข็งแรงมากๆ ค่ะ ในส่วนของผนังด้านหลังนะคะ จะเป็น Compressed Quartz หรือ Back Painted Glass ซึ่งสามารถเช็ดทำความสะอาดเวลาที่เราทำอาหาร และเกิดมีคราบกระเด็นไปโดนนั่นเองค่ะ
ในส่วนของตู้เก็บของด้านล่างทางโครงการเลือกใช้หน้าบานเป็นลามิเนต ลายไม้ค่ะ ซึ่งตัดกับพื้นและ ตัวเคาน์เตอร์เพิ่มความสวยงามค่ะ ส่วนของตู้ด้านหลัง และ ด้านบนเคาน์เตอร์นะคะ หน้าบานทั้งหมดจะเป็น High Gloss painted ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทานมากๆ บวกกับสามารถทำความสะอาดได้ง่าย แถมมีความแวววาวสวยงามมากๆ เลยค่ะ
ในส่วนของวัสดุปูพื้นนะคะ ทางโครงการเลือกใช้ กระเบื้องพอร์ซเลน ซึ่งมีความทนทาน และ สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เนื่องจากห้องนี้เป็นห้องครัว เวลาทำอาหารอาจจะมีเศษอาหาร หรือ น้ำหกเลอะเทอะบ้าง ซึ่งพื้นกระเบื้องแบบนี้จะสามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่าพื้นไม้นั่นเองค่ะ
และสำหรับอุปกรณ์ที่ทางโครงการให้เรามาด้วยนั้นจะมีในส่วนของ อุปกรณ์ไฟฟ้า เตาไฟฟ้าเครื่องดูดควัน และ เตาอบไมโครเวฟ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นของแบรนด์ GAGGENAU จากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีคุณภาพสูง ในประเทศเยอรมนี อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้นำด้านการออกแบบและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยสมัยอีกด้วยค่ะ ถัดมาจะเป็นส่วนของซิงค์ล้างจาน ของแบรนด์ KOHLER ค่ะ
ในส่วนของด้านหลังเคาน์เตอร์ครัวจะมีตู้เย็นแบบ 2 ประตู Built in ติดผนังเลย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน และ ประหยัดพื้นที่อีกด้วยค่ะ และพื้นที่ข้างๆ ตู้เย็นนั้นจะเป็นชั้นสำหรับเก็บเครื่องปรุง หรือ อุปกรณ์และวัตถุดิบในครัวให้อีกด้วยค่ะ ข้างกันจะเป็นเตาอบแบรนด์ GAGGENAU อีกเช่นเดียวกันค่ะ
ตรงพื้นที่ที่ติดตั้งเตาอบนั้นด้านล่างทางโครงการจะวางเครื่องซักผ้าที่เป็นแบบ 2 In 1 คือมีทั้งตัวซัก และ อบแห้งมาให้ในตัว ซึ่งจะได้เฉพาะผู้ที่ซื้อห้องในรูปแบบ 2 Bedroom ขึ้นไปนะคะ
นอกจากนี้ใต้เคาน์เตอร์ครัวนั้นทางโครงการยังให้เครื่องล้างจานแบรนด์ BOSCH แบบ 2 ตะแกรง สามารถแยกถ้วย จาน ช้อน ส้อม หรือ มีด เพื่อทำความสะอาดได้อีกด้วยค่ะ ตัวเครื่องล้างจานนั้นค่อนข้างมีเสียงเงียบไม่รบกวนผู้อื่นในระหว่างที่ใช้งานแน่นอนค่ะ
และหากเพื่อนๆ ดูจาก VR Tour นะคะ จะเห็นได้ว่าภายในห้องครัวนั้น มีประตูอีก 1 ประตู ซึ่งประตูตัวนี้จะเชื่อมต่อกับโถงทางเดนหน้าห้องค่ะ พูดง่ายๆ คือเราสามารถขึ้นลิฟต์ส่วนรวม และ มาเข้าห้องที่ประตูนี้ได้เช่นเดียวกันค่ะ
และก่อนที่เราจะผ่านเข้าไปยังโซนพักผ่อนนะคะ จะมีโถงทางเดินขนาดเล็กเชื่อมต่อกับห้องนอนเล็ก และ ห้อง Master Bedroom ค่ะ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้สามารถวางชั้นเก็บของ หรือ ตู้โชว์ได้นะคะ
ห้องน้ำ
ในส่วนของห้องน้ำนะคะ จะอยู่ติดกับห้องนอนเล็กเลยค่ะ เวลาพาแขก หรือ ญาติพี่น้องมา อาจจะต้องเดินเข้ามาในพื้นที่โซนนี้อาจจะไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่นะคะ
เมื่อเข้ามาด้านในห้องน้ำนะคะ จะเห็นได้ว่ามีการแยกโซนเปียก และ โซนแห้งอย่างชัดเจนค่ะ สำหรับโซนแห้งนั้นจะมีขนาดพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็กจนเกินไปค่ะ มีกระจกเงาบานใหญ่เต็มพื้นที่ พร้อมกับพื้นที่เก็บของหลังกระจกให้อีกด้วยค่ะ
ในส่วนของเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้านะคะ จะมีพื้นที่ด้านข้าง และ ด้านหลังโถสุขภัณฑ์สามารถวางของได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ด้านล่างจะเป็นชั้นไม้ระแนงสามารถวางผ้าเช็ดตัวได้อีกด้วยค่ะ
ในส่วนของห้องอาบน้ำนะคะจะมีพื้นที่ประมาณ 1 x 1.13 ม. พื้นในห้องจะถูกลดระดับลงไปเล็กน้อยค่ะ เพื่อป้องกันน้ำไม่ให้ไหลออกมาด้านนอก ซึ่งทางโครงการก็ได้กั้นห้องอาบน้ำด้วย ฉากกั้นอาบน้ำบานเปลือยเข้ามุมสีชาของแบรนด์ RIVIERA มาพร้อมกับชุดฝักบัว RAIN SHOWER แบบติดเพดาน และ HAND SHOWER ติดผนัง ซึ่งได้เป็นสีทอง เป็นสีพิเศษจาก KOHLER เพิ่มความหรูหราไปอีกระดับค่ะ
บริเวณห้องนอนเล็ก
เมื่อเดินเข้ามาอีกนิดจะเป็นในส่วนของห้องนอนเล็กค่ะ แต่น้อง Genie ต้องบอกว่าไม่เล็กตามชื่อนะคะ ห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด ควีนไซส์ หรือประมาณ 5 ฟุตได้แบบสบายๆ เลยค่ะ ผนังด้านข้างจะเป็นกระจก Full Height เป็นกระจกบาน Fix ค่ะ นอกจากนี้ทางโครงการยังให้หน้าต่างบานกระทุ้งมาให้อีก 1 จุดซึ่งสามารถเปิดระบายอากาศ หรือ เปิดรับลมได้ค่ะ
ในส่วนของผนังทางด้านขวาทางโครงการได้ Built in เป็นตู้เสื้อผ้า พร้อมกับติดตั้งแอร์แบบฝังฝ้ามาให้เรียบร้อยค่ะ และที่พิเศษไปกว่านั้นทางโครงการมีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย Smoke Detector และ Sprinkler มาให้อีกด้วยค่ะ
ห้อง Master Bedroom
ถัดจากห้องนอนเล็กจะเป็นในส่วนของห้อง Master Bedroom ค่ะ เมื่อเข้ามาภายในห้องก็จะพบกับโซนที่เป็น Walk – in Closet ก่อนเลยค่ะ ซึ่งจะอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำเลยค่ะ ซึ่งทางโครงการได้มีการ Built in ตู้เสื้อผ้าเป็นรูปตัว U ค่ะ ซึ่งตู้เสื้อผ้านี้จะมีความพิเศษก็คือ เมื่อเราเปิดตู้ จะมีไฟติดอัตโนมัติเลยค่ะ สะดวกมากๆ
ถัดจาก Walk – in Closet จะเป็นในส่วนของห้องน้ำค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าห้องน้ำนั้นแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัวมากค่ะ เริ่มกันที่อ่างล้างหน้าค่ะ จะเป็นอ่างแบบฝังลงไปในเคาน์เตอร์เลย และเป็นอ่างแบบ His & Her สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 คนเลยค่ะ ตัวก๊อกน้ำจะมาจากแบรนด์ KOHLER ค่ะ พื้นที่เก็บของนั้นจะซ่อนอยู่ด้านหลังกระจกค่ะ ซึ่งเราสามารถใช้งานห้องน้ำได้อย่างเต็มที่เลย นอกจากนี้ยังมีชั้นเก็บของที่อยู่ด้านล่างเคาน์เตอร์ เป็นไม้ระแนงค่ะ สามารถเก็บผ้าเช็ดตัว หรือวางของใช้ในห้องน้ำได้ค่ะ
ฝั่งตรงข้างของอ่างล้างหน้านะคะ จะเป็นในส่วนของอ่างอาบน้ำค่ะ ซึ่งทางโครงการจะให้มาเป็นแบบลอยตัวนะคะ ตัวอ่างอาบน้ำจะมีขนาด 1.54 x 0.74 ม. จะอยู่ติดกับผนังกระจกเลยนะคะ สามารถแช่น้ำไป ชมวิวไปได้เลยค่ะ
ในส่วนของพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.17 x 1.22 ม. และ โถสุขภัณฑ์นั้นทางโครงการได้แยกมาให้อยู่คนละส่วน โดยการกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำบานเปลือยเข้ามุมสีชาของแบรนด์ RIVIERA มาพร้อมกับชุดฝักบัว RAIN SHOWER แบบติดเพดาน และ HAND SHOWER ติดผนัง ซึ่งได้เป็นสีทอง เป็นสีพิเศษจาก KOHLER เพิ่มความหรูหราไปอีกระดับค่ะ
ส่วนห้องของโถสุขภัณฑ์นั้นจะมีขนาด 1.26 x 1.13 ม. ค่ะ โดยโถสุขภัณฑ์จะเป็นระบบ Sensor คือสามารถเปิด - ปิดได้เองอัตโนมัติเลยค่ะ สะดวกสบายสุดๆ
ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นในส่วนของห้องนอนค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าห้องนี้มีขนาดใหญ่มากๆ ค่ะ สามารถวางเตียงขนาด 5 - 6 ฟุตได้สบายๆ เลยค่ะ พื้นที่ข้างๆ เตียงสามารถวางโต๊ะขนาดเล็กได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ
ผนังด้านข้างจะเป็นกระจกแบบ Full Height พร้อมกับหน้าต่างบ้านกระทุ้งมาให้อีก 1 จุด เราสามารถเปิดรับลม ระบายอากาศได้ค่ะ
จาก VR นะคะ เพื่อๆจะสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ไม่ว่าจะเป็น ผ้าปูที่นอน เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งทั้งหมดจะเป็นของแบรนด์ Fendi Casa ทั้งหมดเลยนะคะ และที่น้อง Genie ชอบมากๆ เลย คือ ห้องนี้คลุมโทนการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ขาตั้งโต๊ะ ผนัง ออกแนวคลุมโทนทั้งหมดค่ะ เข้ากับ Theme ห้องสุดๆ ค่ะ
นอกจากนี้อีกมุมนึงของห้องนั้น ยังสามารถวางโต๊ะ หรือ ชั้นหนังสือพร้อมมุมพักผ่อนได้สบายๆ เลยค่ะ เพิ่มความเรียบหรูด้วยการวางเก้าอี้จาก Fendi Casa ตกแต่งเป็นมุมพักผ่อน ชมวิวเมือง ก็เก๋ไปอีกแบบค่ะ
สิ่งที่น้อง Genie ชอบมากๆ ของห้องนี้ คือ ห้องนี้จะมีแสงจากธรรมชาติเยอะมากๆ เนื่องจากว่าทางโครงการนั้นเน้นเปลี่ยนผนังทึบ ให้กลายเป็นกระจก แบบ Full Height ทั้งหมด ทำให้เราจะได้แสงจากธรรมชาติแบบสุดๆ เลยค่ะ
แต่หากเพื่อนๆ คนไหนที่กังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากเสียงภายนอก ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เนื่องจากว่าทางโครงการได้ใช้กระจกชนิดพิเศษ Full Height Insulated Glass และมีความหนาประมาณ 2 ซม. และที่สำคัญ เราจะได้กระจกที่มีทั้งแผ่นด้านใน และแผ่นด้านนอก โดยที่ตรงระหว่างกระจกจะเป็นช่องว่าง หรือเรียกว่า Air Gap นั่นเองค่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า Air Gap มีประโยชน์อย่างไรใช่ไหมคะ ตัว Air Gap นั้นจะสามารถช่วยในเรื่องของความร้อน และ เสียงรบกวนได้เป็นอย่างดีค่ะ
ข้อมูลประกอบ VR
สำหรับห้องต่อไปที่น้อง Genie จะพาไปชมนั้นจะเป็นห้อง Guest room ค่ะ ซึ่งจะเป็นห้องสำหรับแขกที่มาหาลูกบ้านค่ะ ซึ่งห้องนี้จะเป็น Type 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ อยู่ชั้นที่ 9 ค่ะ
จุดเด่นของห้องนี้
👍 เป็นห้องรับรองแขก มีทั้งหมด 2 ห้อง
👍 มีโควตาการเข้าพัก 5 คืน / ปี
สำหรับห้องนี้นะคะ ต้องบอกว่าพิเศษมากๆ และอาจจะไม่ค่อยมีโครงการไหนทำนะคะ >< คือห้องนี้นะคะ ออกแบบมาเพื่อให้รับรองแขกของลูกบ้านนั่นเองค่ะ ซึ่งหากลูกบ้านต้องการใช้ห้องนี้ ทางโครงการก็จะมีโควตาให้ 5 คืน / ปี ต่อเจ้าของ 1 ห้องค่ะ ซึ่งพิเศษมากๆ ค่ะ เท่านั้นยังไม่พอนะคะ หากว่าเราใช้โควตา 5 คืนต่อปีหมดแล้ว เราก็ยังสามารถเช่าห้อง Guest room ที่ราคาค่อนข้างสบายกระเป๋าได้อีกด้วยค่ะ ให้อารมณ์เหมือนไปเช็กอินโรงแรมเลยค่ะ
เรามาเริ่มกันที่จุดแรกก่อนดีกว่าค่ะ โดยห้องนี้จะใช้ระบบ Digital Door Lock ของแบรนด์ Yale มาให้ค่ะ สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งหมด3 ฟังก์ชัน ได้แก่ รหัสผ่าน, คีย์การ์ด และกุญแจค่ะ
และเมื่อเปิดประตูเข้ามานั้น เราจะเจอกับตู้เสื้อผ้า ที่ทางโครงการ Built in มาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าประมาณ 3.15 เมตรเลยทีเดียวค่ะ
ห้องน้ำ
ถัดเข้าไปจะเป็นในส่วนของห้องน้ำค่ะ ซึ่งห้องน้ำก็แยกส่วนแห้ง และ ส่วนเปียกไว้อย่างเป็นระบบค่ะ สำหรับในส่วนพื้นที่แห้งนะคะ จะมีอ่างล้างหน้าแนวยาว สามารถวางของได้ ส่วนด้านบนจะเป็นกระจกเงาที่ซ่อนชั้นเก็บของไว้ด้านหลังค่ะ สามารถเก็บของใช้ในห้องน้ำได้เยอะมากๆ เลยค่ะ
ใกล้กันจะเป็นในส่วนของโถสุขภัณฑ์ค่ะ ซึ่งโถสุขภัณฑ์ทางโครงการจะใช้เป็นของแบรนด์ KOHLER นั่นเองค่ะ
ในส่วนของพื้นที่อาบน้ำนั้นจะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำบานเปลือยเข้ามุมสีชาของแบรนด์ RIVIERA มาพร้อมกับชุดฝักบัว RAIN SHOWER แบบติดเพดาน และ HAND SHOWER ติดผนัง ซึ่งได้เป็นสีทอง เป็นสีพิเศษจาก KOHLER อีกเช่นเดียวกันค่ะ
เมื่อออกมาจากห้องน้ำจะมี มุมสำหรับแต่งหน้า แต่งตัวได้ด้วยนะคะ ซึ่งมุมนี้ทางโครงการได้เตรียมเครื่องชงกาแฟ และ ตู้เย็นขนาดมินิ ไว้ให้พร้อมเลยค่ะ
บริเวณห้องนอน
ในส่วนของห้องนอน ทางโครงการได้วางเตียงขนาด 5 ฟุต ไว้ให้เรียบร้อยค่ะพื้นที่หัวเตียงทั้ง 2 ฝั่งติดตั้งเป็นโต๊ะวางของพร้อมโคมไฟสวยงามทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ พื้นที่ปลายเตียงทางโครงการมีติดตั้งชั้น และ ทีวีมาให้พร้อมเลยค่ะ
นอกจากนี้พื้นที่ภายในห้องมีความกว้างมาก ทางด้านขวาของเตียง จะมีเป็นโซฟานั่งพักผ่อนได้ค่ะ ส่วนทางด้านซ้ายจะติดตั้งเป็นโต๊ะรับอเนกประสงค์ค่ะ ซึ่งสามารถรับประทานอาหาร หรือจิบกาแฟ พร้อมกับชมวิวไปด้วยได้ค่ะ เพราะว่าติดกันเป็นผนังกระจกที่ความสูงแบบ Full Height นั่นเองค่ะ
ข้อมูลประกอบ VR
สำหรับห้องต่อไปที่น้อง Genie จะพาไปชมนั้นจะเป็นห้อง Guest room ค่ะ ซึ่งจะเป็นห้องสำหรับแขกที่มาหาลูกบ้านค่ะ ซึ่งห้องนี้จะเป็น Type 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ อยู่ชั้นที่ 9 ค่ะ
จุดเด่นของห้องนี้
👍 เป็นห้องรับรองแขก มีทั้งหมด 2 ห้อง
👍 มีโควตาการเข้าพัก 5 คืน / ปี
สำหรับห้องนี้นะคะ ต้องบอกว่าพิเศษมากๆ และอาจจะไม่ค่อยมีโครงการไหนทำนะคะ >< คือห้องนี้นะคะ ออกแบบมาเพื่อให้รับรองแขกของลูกบ้านนั่นเองค่ะ ซึ่งหากลูกบ้านต้องการใช้ห้องนี้ ทางโครงการก็จะมีโควตาให้ 5 คืน / ปี ต่อเจ้าของ 1 ห้องค่ะ ซึ่งพิเศษมากๆ ค่ะ เท่านั้นยังไม่พอนะคะ หากว่าเราใช้โควตา 5 คืนต่อปีหมดแล้ว เราก็ยังสามารถเช่าห้อง Guest room ที่ราคาค่อนข้างสบายกระเป๋าได้อีกด้วยค่ะ ให้อารมณ์เหมือนไปเช็กอินโรงแรมเลยค่ะ
เรามาเริ่มกันที่จุดแรกก่อนดีกว่าค่ะ โดยห้องนี้จะใช้ระบบ Digital Door Lock ของแบรนด์ Yale มาให้ค่ะ สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งหมด3 ฟังก์ชัน ได้แก่ รหัสผ่าน, คีย์การ์ด และกุญแจค่ะ
และเมื่อเปิดประตูเข้ามานั้น เราจะเจอกับตู้เสื้อผ้า ที่ทางโครงการ Built in มาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าประมาณ 3.15 เมตรเลยทีเดียวค่ะ
ห้องน้ำ
ถัดเข้าไปจะเป็นในส่วนของห้องน้ำค่ะ ซึ่งห้องน้ำก็แยกส่วนแห้ง และ ส่วนเปียกไว้อย่างเป็นระบบค่ะ สำหรับในส่วนพื้นที่แห้งนะคะ จะมีอ่างล้างหน้าแนวยาว สามารถวางของได้ ส่วนด้านบนจะเป็นกระจกเงาที่ซ่อนชั้นเก็บของไว้ด้านหลังค่ะ สามารถเก็บของใช้ในห้องน้ำได้เยอะมากๆ เลยค่ะ
ใกล้กันจะเป็นในส่วนของโถสุขภัณฑ์ค่ะ ซึ่งโถสุขภัณฑ์ทางโครงการจะใช้เป็นของแบรนด์ KOHLER นั่นเองค่ะ
ในส่วนของพื้นที่อาบน้ำนั้นจะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำบานเปลือยเข้ามุมสีชาของแบรนด์ RIVIERA มาพร้อมกับชุดฝักบัว RAIN SHOWER แบบติดเพดาน และ HAND SHOWER ติดผนัง ซึ่งได้เป็นสีทอง เป็นสีพิเศษจาก KOHLER อีกเช่นเดียวกันค่ะ
เมื่อออกมาจากห้องน้ำจะมี มุมสำหรับแต่งหน้า แต่งตัวได้ด้วยนะคะ ซึ่งมุมนี้ทางโครงการได้เตรียมเครื่องชงกาแฟ และ ตู้เย็นขนาดมินิ ไว้ให้พร้อมเลยค่ะ
บริเวณห้องนอน
ในส่วนของห้องนอน ทางโครงการได้วางเตียงขนาด 5 ฟุต ไว้ให้เรียบร้อยค่ะพื้นที่หัวเตียงทั้ง 2 ฝั่งติดตั้งเป็นโต๊ะวางของพร้อมโคมไฟสวยงามทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ พื้นที่ปลายเตียงทางโครงการมีติดตั้งชั้น และ ทีวีมาให้พร้อมเลยค่ะ
นอกจากนี้พื้นที่ภายในห้องมีความกว้างมาก ทางด้านขวาของเตียง จะมีเป็นโซฟานั่งพักผ่อนได้ค่ะ ส่วนทางด้านซ้ายจะติดตั้งเป็นโต๊ะรับอเนกประสงค์ค่ะ ซึ่งสามารถรับประทานอาหาร หรือจิบกาแฟ พร้อมกับชมวิวไปด้วยได้ค่ะ เพราะว่าติดกันเป็นผนังกระจกที่ความสูงแบบ Full Height นั่นเองค่ะ
“น้อง Genie เปิดวาร์ปพามาทัวร์! สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการสุดหรูสไตล์ Japanese ที่ต้องบอกว่ามาในรูปแบบการพาทัวร์ด้วย VR Tour หรือ Virtual Reality ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความอลังการของ Facilities กว่า 3,000 ตร.ม. ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่จอดรถ Super Car, สวนสาธารณะ, Japanese Spa & Onsen, Flotation Pool และอีกมากมาย เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปรับชม สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ The Estelle Phrom Phong ด้วยการเดินชมเสมือนผ่าน VR กันเลยดีกว่าค่าาา“
Facilities 1st
Entrance
สำหรับทางเข้าหลักของโครงการนี้นะคะ จะอยู่ติดกับซอยสุขุมวิท 26 เลยค่ะ เมื่อเข้ามาภายในโครงการ เราจะพบกับป้อม รปภ. และสวนหย่อมไว้สำหรับพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น ถัดมาจะเป็นในส่วนของจุด Drop Off ค่ะ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับส่วนของทางเข้า Lobby Lounge ซึ่งเรียกได้ว่าสะดวกมากๆ เลยค่ะ
นอกจากนี้ทางโครงการยังมีที่จอดรถสำหรับผู้ที่มาติดต่อด้วยนะคะ จะอยู่ตรงบริเวณ Lobby Lounge เลยค่ะ และในส่วนของลูกบ้านนะคะ หากต้องการไปจอดที่ชั้นจอดรถ สามารถขับวนขึ้นไปทางขวามือ เพื่อไปยังตัวอาคารได้เลยค่ะ โดยที่นี่จะมีพื้นที่จอดรถประมาณ 197 คันหรือคิดเป็น 125% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน และที่พิเศษมากๆ เลยคือจะมีพื้นที่สำหรับจอดรถ Super Car และพื้นที่สำหรับ EV Charging station มาให้อีกด้วยนั่นเองค่ะ
ในส่วนของทาง เข้า - ออก ของโครงการนะคะ จะมีอยู่แค่จุดเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นถนนภายในโครงการจะแบ่งเป็น 2 เลน เข้า และ ออก ง่ายต่อการดูแล รักษาความปลอดภัยมากๆ ค่ะ
ในส่วนด้านหน้านั้น น้อง Genie ชอบมากค่ะ เนื่องจากว่าทางโครงการได้จัดเป็นสวนหย่อม ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าโครงการเลย เราสามารถพาน้องหมา น้องแมวมาออกกำลังกาย ปลดปล่อยพลังงานได้ที่จุดนี้เลยค่ะ
นอกจากนี้นะคะ ที่ด้านข้างที่ติดกับ Lobby Lounge จะเป็นพื้นคอนกรีต สลับกับหญ้าค่ะ สามารถเดินเล่น หรือจูงน้องหมามาออกกำลังตรงนี้ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
จุด Drop Off
ถัดมาจะเป็นในส่วนของ พื้นที่ Drop off และ Private Parking สำหรับผู้ที่มาติดต่อโครงการค่ะ จะเห็นได้ว่าพื้นที่ตรงนี้จะให้บรรยากาศดู Zen ดูเป็นญี่ปุ่นสมัยใหม่เลยค่ะ เนื่องจากโครงการมีต้นบอนไซขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใน Water Feature ด้านข้างจะมีไม้ระแนง และอย่างที่บอกว่าด้านหลังนั้นมีระแนงที่เป็นต้นหญ้าสูง จึงทำให้บรรยากาศตรงนี้ดูร่มรื่น อบอุ่น และได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นไปเต็มๆ เลยค่ะ
ลานจอดรถ
ถัดมาน้อง Genie จะพาไปชมลานจอดรถ Super Car ค่ะ ซึ่งจะอยู่ที่ชั้น 2 ทั้งชั้นเลยค่ะ แต่ก่อนที่จะขึ้นมายังชั้นจอดรถนะคะ ทางโครงการก็จะมีระบบรักษาความปลอดภัย RFID ค่ะ ซึ่งการทำงานของเจ้าตัวนี้ก็คือจะทำงานคล้ายๆ กับ Easy Pass เลยค่ะ
มาดูในส่วนของลานจอดรถ Super Car ค่ะ ซึ่งจุดนี้นะคะ ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของโครงการอีกจุดนึงเลยก็ว่าได้ค่ะ ลักษณะการออกแบบลานจอดรถนี้นะคะ จะเน้นไปที่ความโดดเด่น ทันสมัย ดีไซน์หรูหรา และสปอร์ต เพื่อให้ข้ากับรูปลักษณ์ของรถ Super Car ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเลือกใช้วัสดุต่างๆ และ การวาง Lighting นั้นมีความโดดเด่นมากๆ นั่นเองค่ะ
เท่านั้นยังไม่พอนะคะ หากลูกบ้านท่านใดที่ใช้รถ Super Car ที่เป็นระบบไฟฟ้า ทางโครงการก็ได้มีการเตรียมพื้นที่ EV Charging station ไว้ให้บริการอีกด้วยค่ะ ความพิเศษอีกต่อนึงนั่นก็คือ ลูกบ้านที่อยู่ในยูนิตพิเศษ หรือ ยูนิตที่มีลิฟต์ส่วนตัว สามารถขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังห้องของตัวเองได้จากลานจอดรถได้เลย โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนลิฟต์นั่นเองค่ะ สะดวก แถมได้ความเป็นส่วนตัวอีกด้วยค่ะ
Lobby
กลับมาที่จุดทางเข้า Lobby ของเรานะคะ ประตูทางเข้า โครงการจะใช้เป็นผนังกระจกแบบ Full Height ค่ะ ซึ่งสามารถมองเห็นวิวด้านนอกที่มีทั้งต้นบอนไซขนาดใหญ่ และ Water Feature ยาวมาจนถึงสุดโถงทางเดินเลยค่ะ
ด้านใน Lobby จะมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นพนักงานต้อนรับ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเลยค่ะ ซึ่งการตกแต่งภายในนั้นจะตกแต่งด้วยวัสดุที่เน้นโทนสีจากธรรมชาติทั้งไม้และหิน ให้ความรู้สึกถึงความเป็นญี่ปุ่น ผสมผสานกับความเป็น Modern มากๆ ค่ะ
ในส่วนของจุดนั่งรอ หรือ Lobby Lounge นะคะ ทางโครงการได้จัดพื้นที่ตรงนี้ให้เปรียบเสมือน ห้องนั่งเล่นค่ะ โดยการตกแต่งจะให้โซฟา ที่มีลักษณะโค้งมน โดยจะใช้ออกแนว Earth Tone ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ดูอบอุ่น เหมือนนั่นรอเพื่อนที่ห้องนั่งเล่นเลยค่ะ
ในส่วนของด้านบนโครงการตกแต่งด้วยแผงตะแกรงเหล็กฉีกสีน้ำตาล ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่งสบายมากๆ ค่ะ
ด้านไปจากโซน Lobby Lounge นะคะ จะเป็นในส่วนของ Private Lift Lobby
ถัดไปด้านในอีกด้านนะคะ จะเป็นในส่วนของ ทางเดินไปยังโถงลิฟต์ และ สำนักงานนิติบุคคลค่ะ ซึ่งลิฟต์ของโครงการนี้จะมีทั้งหมด 6 ตัวค่ะ ประกอบไปด้วย
- โดยสารทั่วไป 2 ตัว
- Private Lift 3 ตัว สำหรับยูนิตพิเศษ
- Service Lift 1 ตัว
ซึ่งหากเทียบกับจำนวนยูนิตของที่นี่ที่มี 146 ยูนิต ก็เรียกได้ว่าเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมเลยทีเดียวค่ะ
Facilities 8th Floor
สำหรับศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการนะคะ จะอยู่ที่ชั้น 8 เกือบทั้งหมดค่ะ ซึ่งจะประกอบไปด้วย Japanese Garden, สระว่ายน้ำยาว, โซน Jacuzzi อ่างน้ำร้อนแบบญี่ปุ่น (Onsen), Sauna, Multi – purpose Area และห้อง Private Dining นั่นเองค่ะ ซึ่งรายละเอียดแต่ละโซนจะเป็นอย่างไร ตามน้อง Genie มารับชมพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ
Japanese Garden
เมื่อเราออกจากโถงลิฟต์นะคะ สิ่งแรกที่เราจะเจอเลยก็คือ สวนที่ออกแบบตกแต่งมาใน Theme ของญี่ปุ่นค่ะ ซึ่งการตกแต่งจะมีกินกรวดสีขาวขนาดเล็ก เรียงกันเป็นเส้นตรง และวางด้วยกินแกรนิตขนาดใหญ่ ที่ด้านหลังจะมีพุ่มไม้สีเขียว การออกแบบในลักษณะนี้สามารถสื่อได้ถึงภูเขา และ สายน้ำ ที่สามารถทำให้ผู้อยู่อาศัย หรือ ผู้ที่มาเดินเล่นรู้สึก เงียบ สงบ ผ่อนคลาย และสดชื่นด้วยพุ่มไม้สีเขียวขจีนั่นเองค่ะ
และสิ่งที่เราจะเห็นประจำในโครงการนี้คงจะหนีไม้พ้น “ระแนงไม้” ค่ะซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของโครงการนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เนื่องจาก “ระแนงไม้” นั้นเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อตรง เข้มแข็ง และ ความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งทางโครงการก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ต้นไผ่ของญี่ปุ่น” นั่นเองค่ะ
สระว่ายน้ำ
สำหรับสระว่ายน้ำของที่นี่นะคะ จะเป็นสระว่ายน้ำที่ปราศจากคลอรีน จะเป็นระบบกรองน้ำค่ะ ซึ่งสามารถว่ายน้ำได้แบบผิวไม่แห้ง ไม่เสียแน่นอนค่ะ และสระว่ายน้ำของที่นี่นะคะ จะเป็นในรูปแบบของสระ Outdoor ค่ะ มีความยาวประมาณ 25 เมตรเลยทีเดียวค่ะ
ด้านข้างสระเด็ก จะมี Shower ให้ล้างตัวก่อนลงสระนะคะ ที่น้อง Genie รู้สึกชอบมากๆ เลยคงจะเป็นสระเด็กค่ะ ซึ่งทางโครงการมีการกั้นสระเด็ก กับสระผู้ใหญ่ ด้วยกระจกเป็นราวกันตกค่ะ ซึ่งถือว่าดีมากๆ อาจจะช่วยลดอุบัติเหตุได้เลยนะคะ
ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนทางโครงการก็มีการเตรียมทั้ง Day Bed และชุดโต๊ะ เก้าอี้ ให้เลือกใช้งานค่ะ จาก VR เราจะเห็นได้ว่าสระว่ายน้ำของโครงการนี้ไม่ได้อยู่ชั้นที่สูงมาก และบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีตึกสูงรายล้อม ทางโครงการจึงวางแนวพุ่มไม้เพื่อบดบังสายตา และ เพิ่มความเป็นส่วนตัวอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้แนวพุ่มไม้ยังทำให้บรรยากาศของสระว่ายน้ำนั้นดูร่มรื่น และผ่อนคลายอีกด้วยค่ะ
ห้องน้ำ
สำหรับในชั้นนี้นะคะ จะมีห้องน้ำส่วนกลางที่มีห้อง Suana และ บ่อน้ำพุร้อนแบบญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็น Highlight ของโครงการนี้เลยค่ะ โดยด้านในจะมีในส่วนของตู้ล็อกเกอร์ สามารถเก็บของใช้ส่วนตัว หรือ เสื้อผ้าได้ค่ะ และจะมีทั้งห้องน้ำ และ ห้องอาบน้ำ เพื่อนสามารถเข้ามาล้างตัวก่อนที่จะลงสระว่ายน้ำ หรือ ก่อนที่จะลงในส่วนของ Onsen ในนี้ได้เลยค่ะ
และสำหรับใครที่อยากใช้ห้อง Suana ก็สามารถใช้ได้เลยค่ะ เพราะทางโครงการได้แยกระหว่างชาย - หญิงมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
Onsen
เรามาดูในส่วนของ Onsen กันบ้างดีกว่าค่ะ ซึ่งฟังก์ชันนี้ทางโครงการออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นนะคะ แต่ก็ถูกใจชาวไทยด้วยเช่นกัน ในส่วนของ บ่อ Onsen นะคะ ทางโครงการจะแยกมาให้ทั้งหมด 2 บ่อด้วยกันค่ะ คือ บ่อน้ำร้อน และ บ่อน้ำเย็น ซึ่งแต่ละบ่อมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่นะคะ สามารถลงไปแช่พร้อมกันได้ถึง 3 - 4 คนกำลังพอดีเลยค่ะ
ข้อดีของการแช่บ่อ Onsen นะคะ นอกจากจะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้า และทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งแล้วนั้น ยังช่วยในเรื่องของระบบหมุนเวียนเลือดได้ดียิ่งขึ้นด้วยนะคะ ใครยังไม่เคยแช่ ต้องไปลองสักครั้งค่ะ
และสิ่งที่น้อง Genie ชอบอีกแล้ว >< คงจะเป็นฉากหลัง ที่เวลาเราแช่บ่อ Onsen เราสามารถมองเห็นวิวของต้นบอนไซ พร้อมกับการตกแต่ง ระแนงไม้ ซึ่งจุดนี้จะช่วยผ่อนคลายสายตาของเราได้อย่างดีเยี่ยมเลยหล่ะค่ะ
และนอกจากโครงการจะมี Onsen แล้วนั้น ทางโครงการยังมี ห้องที่เป็นอ่างเกลือ หรือ Flotation Pool ที่ทางโครงการได้ Inspired มาจาก Dead Sea นะคะ คือห้องนี้เราสามารถมาใช้ Spa บำบัดด้วยการลอยตัวบนผิวน้ำ แช่แล้วจะไม่มีทางจมแน่นอนค่ะ
พื้นที่อเนกประสงค์
สำหรับพื้นที่อเนกประสงค์นี้นะคะ จะเป็นพื้นที่ Outdoor ค่ะ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ชอบสังสรรค์ หรือ จัดงานกิจกรรมด้านนอก พื้นที่ตรงนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ด้านข้างจะมีการปกคลุมไปด้วยกำแพงที่หญ้าสีเขียว เพิ่มความสดชื่นได้มากเลยค่ะ
Private Dining
สำหรับห้อง Dining Private Room นะคะ จะเป็นห้องสำหรับจัดปาร์ตี้ หรือ รับประทานอาหารแบบส่วนตัวค่ะ ภายในมีห้องครัว และ พื้นที่เตรียมอาหารให้ครบเลยค่ะ เราสามารถจัดเตรียมอาหารเอง หรือ สามารถเชิญเชฟจากด้านนอกมาบริการก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
สำหรับห้องนี้นะคะ ลูกบ้านสามารถจองเพื่อใช้งานได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งค่ะ และด้านในมีห้องครัว และ ห้องน้ำแยกไว้ให้ใช้บริการแบบครบครัน
และความพิเศษของห้องนี้นะคะ ทางโครงการได้มีแผงกั้นห้องระหว่างห้องเตรียมอาหาร และ พื้นที่นั่งรับประทานอาหารให้อีกด้วยค่ะ ลักษณะของประตูกั้นนะคะจะเป็นในลักษณะโปร่งแสงสีขาวค่ะ คล้ายๆ กับเรียวกังญี่ปุ่นเลยค่ะ
ซึ่งหากปิดประตูกั้นนะคะ จะสามารถช่วยกันกลิ่น หรือ เสียงไม่ให้เข้าไปรบกวนด้านในได้ค่ะ
ในส่วนพื้นที่รับประทานอาหารนะคะ มีโต๊ะ และ เก้าอี้รองรับกว่า 16 ที่นั่งเลยค่ะ ผนังด้านข้างจะเป็นกระจกแบบ Full Height ซึ่งสามารถมองเห็นวิวส่วน และพื้นที่สีเขียวด้านนอกเวลารับประทานอาหารได้ค่ะ ตรงหัวโต๊ะทางโครงการจะติดตั้ง ทีวีขนาดใหญ่ ซึ่งเราสามารถจัดประชุม เล่นเกม หรือร้องคาราโอเกะได้เลยค่ะ
การตกแต่งห้องนี้นะคะ จะเน้นไปที่โทนสีครีม สีทอง และ สีน้ำตาลค่ะ เพิ่มความหรูหรา แต่ว่าก็มีความเรียบง่ายซ่อนอยู่นั่นเองค่ะ
นอกจากนี้นะคะ หากเราเดินออกไปทางด้านหลังสุด เราจะพบกับโซน Smoking Area หรือพื้นที่สูบบุหรี่ จะมีลักษณะเป็นพื้นที่โล่ง เมื่อเดินไปข้างๆ เราสามารถเดินเข้าห้อง Dining Private Room ได้อีกด้วยค่ะ
Facilities 1st
Entrance
สำหรับทางเข้าหลักของโครงการนี้นะคะ จะอยู่ติดกับซอยสุขุมวิท 26 เลยค่ะ เมื่อเข้ามาภายในโครงการ เราจะพบกับป้อม รปภ. และสวนหย่อมไว้สำหรับพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น ถัดมาจะเป็นในส่วนของจุด Drop Off ค่ะ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับส่วนของทางเข้า Lobby Lounge ซึ่งเรียกได้ว่าสะดวกมากๆ เลยค่ะ
นอกจากนี้ทางโครงการยังมีที่จอดรถสำหรับผู้ที่มาติดต่อด้วยนะคะ จะอยู่ตรงบริเวณ Lobby Lounge เลยค่ะ และในส่วนของลูกบ้านนะคะ หากต้องการไปจอดที่ชั้นจอดรถ สามารถขับวนขึ้นไปทางขวามือ เพื่อไปยังตัวอาคารได้เลยค่ะ โดยที่นี่จะมีพื้นที่จอดรถประมาณ 197 คันหรือคิดเป็น 125% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน และที่พิเศษมากๆ เลยคือจะมีพื้นที่สำหรับจอดรถ Super Car และพื้นที่สำหรับ EV Charging station มาให้อีกด้วยนั่นเองค่ะ
ในส่วนของทาง เข้า - ออก ของโครงการนะคะ จะมีอยู่แค่จุดเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นถนนภายในโครงการจะแบ่งเป็น 2 เลน เข้า และ ออก ง่ายต่อการดูแล รักษาความปลอดภัยมากๆ ค่ะ
ในส่วนด้านหน้านั้น น้อง Genie ชอบมากค่ะ เนื่องจากว่าทางโครงการได้จัดเป็นสวนหย่อม ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าโครงการเลย เราสามารถพาน้องหมา น้องแมวมาออกกำลังกาย ปลดปล่อยพลังงานได้ที่จุดนี้เลยค่ะ
นอกจากนี้นะคะ ที่ด้านข้างที่ติดกับ Lobby Lounge จะเป็นพื้นคอนกรีต สลับกับหญ้าค่ะ สามารถเดินเล่น หรือจูงน้องหมามาออกกำลังตรงนี้ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
จุด Drop Off
ถัดมาจะเป็นในส่วนของ พื้นที่ Drop off และ Private Parking สำหรับผู้ที่มาติดต่อโครงการค่ะ จะเห็นได้ว่าพื้นที่ตรงนี้จะให้บรรยากาศดู Zen ดูเป็นญี่ปุ่นสมัยใหม่เลยค่ะ เนื่องจากโครงการมีต้นบอนไซขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใน Water Feature ด้านข้างจะมีไม้ระแนง และอย่างที่บอกว่าด้านหลังนั้นมีระแนงที่เป็นต้นหญ้าสูง จึงทำให้บรรยากาศตรงนี้ดูร่มรื่น อบอุ่น และได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นไปเต็มๆ เลยค่ะ
ลานจอดรถ
ถัดมาน้อง Genie จะพาไปชมลานจอดรถ Super Car ค่ะ ซึ่งจะอยู่ที่ชั้น 2 ทั้งชั้นเลยค่ะ แต่ก่อนที่จะขึ้นมายังชั้นจอดรถนะคะ ทางโครงการก็จะมีระบบรักษาความปลอดภัย RFID ค่ะ ซึ่งการทำงานของเจ้าตัวนี้ก็คือจะทำงานคล้ายๆ กับ Easy Pass เลยค่ะ
มาดูในส่วนของลานจอดรถ Super Car ค่ะ ซึ่งจุดนี้นะคะ ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของโครงการอีกจุดนึงเลยก็ว่าได้ค่ะ ลักษณะการออกแบบลานจอดรถนี้นะคะ จะเน้นไปที่ความโดดเด่น ทันสมัย ดีไซน์หรูหรา และสปอร์ต เพื่อให้ข้ากับรูปลักษณ์ของรถ Super Car ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเลือกใช้วัสดุต่างๆ และ การวาง Lighting นั้นมีความโดดเด่นมากๆ นั่นเองค่ะ
เท่านั้นยังไม่พอนะคะ หากลูกบ้านท่านใดที่ใช้รถ Super Car ที่เป็นระบบไฟฟ้า ทางโครงการก็ได้มีการเตรียมพื้นที่ EV Charging station ไว้ให้บริการอีกด้วยค่ะ ความพิเศษอีกต่อนึงนั่นก็คือ ลูกบ้านที่อยู่ในยูนิตพิเศษ หรือ ยูนิตที่มีลิฟต์ส่วนตัว สามารถขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังห้องของตัวเองได้จากลานจอดรถได้เลย โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนลิฟต์นั่นเองค่ะ สะดวก แถมได้ความเป็นส่วนตัวอีกด้วยค่ะ
Lobby
กลับมาที่จุดทางเข้า Lobby ของเรานะคะ ประตูทางเข้า โครงการจะใช้เป็นผนังกระจกแบบ Full Height ค่ะ ซึ่งสามารถมองเห็นวิวด้านนอกที่มีทั้งต้นบอนไซขนาดใหญ่ และ Water Feature ยาวมาจนถึงสุดโถงทางเดินเลยค่ะ
ด้านใน Lobby จะมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นพนักงานต้อนรับ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเลยค่ะ ซึ่งการตกแต่งภายในนั้นจะตกแต่งด้วยวัสดุที่เน้นโทนสีจากธรรมชาติทั้งไม้และหิน ให้ความรู้สึกถึงความเป็นญี่ปุ่น ผสมผสานกับความเป็น Modern มากๆ ค่ะ
ในส่วนของจุดนั่งรอ หรือ Lobby Lounge นะคะ ทางโครงการได้จัดพื้นที่ตรงนี้ให้เปรียบเสมือน ห้องนั่งเล่นค่ะ โดยการตกแต่งจะให้โซฟา ที่มีลักษณะโค้งมน โดยจะใช้ออกแนว Earth Tone ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ดูอบอุ่น เหมือนนั่นรอเพื่อนที่ห้องนั่งเล่นเลยค่ะ
ในส่วนของด้านบนโครงการตกแต่งด้วยแผงตะแกรงเหล็กฉีกสีน้ำตาล ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่งสบายมากๆ ค่ะ
ด้านไปจากโซน Lobby Lounge นะคะ จะเป็นในส่วนของ Private Lift Lobby
ถัดไปด้านในอีกด้านนะคะ จะเป็นในส่วนของ ทางเดินไปยังโถงลิฟต์ และ สำนักงานนิติบุคคลค่ะ ซึ่งลิฟต์ของโครงการนี้จะมีทั้งหมด 6 ตัวค่ะ ประกอบไปด้วย
- โดยสารทั่วไป 2 ตัว
- Private Lift 3 ตัว สำหรับยูนิตพิเศษ
- Service Lift 1 ตัว
ซึ่งหากเทียบกับจำนวนยูนิตของที่นี่ที่มี 146 ยูนิต ก็เรียกได้ว่าเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมเลยทีเดียวค่ะ
Facilities 8th Floor
สำหรับศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการนะคะ จะอยู่ที่ชั้น 8 เกือบทั้งหมดค่ะ ซึ่งจะประกอบไปด้วย Japanese Garden, สระว่ายน้ำยาว, โซน Jacuzzi อ่างน้ำร้อนแบบญี่ปุ่น (Onsen), Sauna, Multi – purpose Area และห้อง Private Dining นั่นเองค่ะ ซึ่งรายละเอียดแต่ละโซนจะเป็นอย่างไร ตามน้อง Genie มารับชมพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ
Japanese Garden
เมื่อเราออกจากโถงลิฟต์นะคะ สิ่งแรกที่เราจะเจอเลยก็คือ สวนที่ออกแบบตกแต่งมาใน Theme ของญี่ปุ่นค่ะ ซึ่งการตกแต่งจะมีกินกรวดสีขาวขนาดเล็ก เรียงกันเป็นเส้นตรง และวางด้วยกินแกรนิตขนาดใหญ่ ที่ด้านหลังจะมีพุ่มไม้สีเขียว การออกแบบในลักษณะนี้สามารถสื่อได้ถึงภูเขา และ สายน้ำ ที่สามารถทำให้ผู้อยู่อาศัย หรือ ผู้ที่มาเดินเล่นรู้สึก เงียบ สงบ ผ่อนคลาย และสดชื่นด้วยพุ่มไม้สีเขียวขจีนั่นเองค่ะ
และสิ่งที่เราจะเห็นประจำในโครงการนี้คงจะหนีไม้พ้น “ระแนงไม้” ค่ะซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของโครงการนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เนื่องจาก “ระแนงไม้” นั้นเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อตรง เข้มแข็ง และ ความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งทางโครงการก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ต้นไผ่ของญี่ปุ่น” นั่นเองค่ะ
สระว่ายน้ำ
สำหรับสระว่ายน้ำของที่นี่นะคะ จะเป็นสระว่ายน้ำที่ปราศจากคลอรีน จะเป็นระบบกรองน้ำค่ะ ซึ่งสามารถว่ายน้ำได้แบบผิวไม่แห้ง ไม่เสียแน่นอนค่ะ และสระว่ายน้ำของที่นี่นะคะ จะเป็นในรูปแบบของสระ Outdoor ค่ะ มีความยาวประมาณ 25 เมตรเลยทีเดียวค่ะ
ด้านข้างสระเด็ก จะมี Shower ให้ล้างตัวก่อนลงสระนะคะ ที่น้อง Genie รู้สึกชอบมากๆ เลยคงจะเป็นสระเด็กค่ะ ซึ่งทางโครงการมีการกั้นสระเด็ก กับสระผู้ใหญ่ ด้วยกระจกเป็นราวกันตกค่ะ ซึ่งถือว่าดีมากๆ อาจจะช่วยลดอุบัติเหตุได้เลยนะคะ
ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนทางโครงการก็มีการเตรียมทั้ง Day Bed และชุดโต๊ะ เก้าอี้ ให้เลือกใช้งานค่ะ จาก VR เราจะเห็นได้ว่าสระว่ายน้ำของโครงการนี้ไม่ได้อยู่ชั้นที่สูงมาก และบริเวณใกล้เคียงก็ยังมีตึกสูงรายล้อม ทางโครงการจึงวางแนวพุ่มไม้เพื่อบดบังสายตา และ เพิ่มความเป็นส่วนตัวอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้แนวพุ่มไม้ยังทำให้บรรยากาศของสระว่ายน้ำนั้นดูร่มรื่น และผ่อนคลายอีกด้วยค่ะ
ห้องน้ำ
สำหรับในชั้นนี้นะคะ จะมีห้องน้ำส่วนกลางที่มีห้อง Suana และ บ่อน้ำพุร้อนแบบญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็น Highlight ของโครงการนี้เลยค่ะ โดยด้านในจะมีในส่วนของตู้ล็อกเกอร์ สามารถเก็บของใช้ส่วนตัว หรือ เสื้อผ้าได้ค่ะ และจะมีทั้งห้องน้ำ และ ห้องอาบน้ำ เพื่อนสามารถเข้ามาล้างตัวก่อนที่จะลงสระว่ายน้ำ หรือ ก่อนที่จะลงในส่วนของ Onsen ในนี้ได้เลยค่ะ
และสำหรับใครที่อยากใช้ห้อง Suana ก็สามารถใช้ได้เลยค่ะ เพราะทางโครงการได้แยกระหว่างชาย - หญิงมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
Onsen
เรามาดูในส่วนของ Onsen กันบ้างดีกว่าค่ะ ซึ่งฟังก์ชันนี้ทางโครงการออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นนะคะ แต่ก็ถูกใจชาวไทยด้วยเช่นกัน ในส่วนของ บ่อ Onsen นะคะ ทางโครงการจะแยกมาให้ทั้งหมด 2 บ่อด้วยกันค่ะ คือ บ่อน้ำร้อน และ บ่อน้ำเย็น ซึ่งแต่ละบ่อมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่นะคะ สามารถลงไปแช่พร้อมกันได้ถึง 3 - 4 คนกำลังพอดีเลยค่ะ
ข้อดีของการแช่บ่อ Onsen นะคะ นอกจากจะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้า และทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งแล้วนั้น ยังช่วยในเรื่องของระบบหมุนเวียนเลือดได้ดียิ่งขึ้นด้วยนะคะ ใครยังไม่เคยแช่ ต้องไปลองสักครั้งค่ะ
และสิ่งที่น้อง Genie ชอบอีกแล้ว >< คงจะเป็นฉากหลัง ที่เวลาเราแช่บ่อ Onsen เราสามารถมองเห็นวิวของต้นบอนไซ พร้อมกับการตกแต่ง ระแนงไม้ ซึ่งจุดนี้จะช่วยผ่อนคลายสายตาของเราได้อย่างดีเยี่ยมเลยหล่ะค่ะ
และนอกจากโครงการจะมี Onsen แล้วนั้น ทางโครงการยังมี ห้องที่เป็นอ่างเกลือ หรือ Flotation Pool ที่ทางโครงการได้ Inspired มาจาก Dead Sea นะคะ คือห้องนี้เราสามารถมาใช้ Spa บำบัดด้วยการลอยตัวบนผิวน้ำ แช่แล้วจะไม่มีทางจมแน่นอนค่ะ
พื้นที่อเนกประสงค์
สำหรับพื้นที่อเนกประสงค์นี้นะคะ จะเป็นพื้นที่ Outdoor ค่ะ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ชอบสังสรรค์ หรือ จัดงานกิจกรรมด้านนอก พื้นที่ตรงนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ด้านข้างจะมีการปกคลุมไปด้วยกำแพงที่หญ้าสีเขียว เพิ่มความสดชื่นได้มากเลยค่ะ
Private Dining
สำหรับห้อง Dining Private Room นะคะ จะเป็นห้องสำหรับจัดปาร์ตี้ หรือ รับประทานอาหารแบบส่วนตัวค่ะ ภายในมีห้องครัว และ พื้นที่เตรียมอาหารให้ครบเลยค่ะ เราสามารถจัดเตรียมอาหารเอง หรือ สามารถเชิญเชฟจากด้านนอกมาบริการก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
สำหรับห้องนี้นะคะ ลูกบ้านสามารถจองเพื่อใช้งานได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งค่ะ และด้านในมีห้องครัว และ ห้องน้ำแยกไว้ให้ใช้บริการแบบครบครัน
และความพิเศษของห้องนี้นะคะ ทางโครงการได้มีแผงกั้นห้องระหว่างห้องเตรียมอาหาร และ พื้นที่นั่งรับประทานอาหารให้อีกด้วยค่ะ ลักษณะของประตูกั้นนะคะจะเป็นในลักษณะโปร่งแสงสีขาวค่ะ คล้ายๆ กับเรียวกังญี่ปุ่นเลยค่ะ
ซึ่งหากปิดประตูกั้นนะคะ จะสามารถช่วยกันกลิ่น หรือ เสียงไม่ให้เข้าไปรบกวนด้านในได้ค่ะ
ในส่วนพื้นที่รับประทานอาหารนะคะ มีโต๊ะ และ เก้าอี้รองรับกว่า 16 ที่นั่งเลยค่ะ ผนังด้านข้างจะเป็นกระจกแบบ Full Height ซึ่งสามารถมองเห็นวิวส่วน และพื้นที่สีเขียวด้านนอกเวลารับประทานอาหารได้ค่ะ ตรงหัวโต๊ะทางโครงการจะติดตั้ง ทีวีขนาดใหญ่ ซึ่งเราสามารถจัดประชุม เล่นเกม หรือร้องคาราโอเกะได้เลยค่ะ
การตกแต่งห้องนี้นะคะ จะเน้นไปที่โทนสีครีม สีทอง และ สีน้ำตาลค่ะ เพิ่มความหรูหรา แต่ว่าก็มีความเรียบง่ายซ่อนอยู่นั่นเองค่ะ
นอกจากนี้นะคะ หากเราเดินออกไปทางด้านหลังสุด เราจะพบกับโซน Smoking Area หรือพื้นที่สูบบุหรี่ จะมีลักษณะเป็นพื้นที่โล่ง เมื่อเดินไปข้างๆ เราสามารถเดินเข้าห้อง Dining Private Room ได้อีกด้วยค่ะ
สำหรับชั้นที่ 27 นะคะ จะเป็นชั้นที่มี สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้อง Sky Gym และ Yoga Platform และที่ชั้นนี้นะคะ จะมียูนิตพักอาศัยทั้งหมด 4 ยูนิตค่ะ แต่สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่อยู่ชั้นนี้นะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ เนื่องจากว่า ลูกบ้านชั้นอื่น หากจะมาใช้บริการต้องใช้คีย์การ์ดเท่านั้นค่ะ ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นส่วนตัว และ ความปลอดภัยนั่นเองค่ะ
ในส่วนของห้องฟิตเนสนะคะ ด้านในจะมีเครื่องเล่น เครื่องออกกำลังกายชั้นนำอย่าง Technogym ไม่ว่าจะเป็นเครื่องออกกำลังกายแบบคาดิโอ เวทเทรนนิ่ง และอุปกรณ์สำหรับโยคะค่ะ
สำหรับทัศนียภาพภายในนอกนะคะ ต้องบอกว่าเราสามารถออกกำลังกายไปด้วย ชมวิวด้านนอกไปได้ด้วยค่ะ เนื่องจากว่าห้องออกกำลังกายนี้ถูกออกแบบให้มีผนังกระจกโดยรอบ จึงทำให้เราสามารถมองเห็นวิวได้อย่างชัดเจน และ เต็มที่เลยค่ะ
และที่เป็น Highlight ของฟิตเนสแห่งนี้จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้นะคะ นั่นคือ ม้านั่งยกน้ำหนัก ที่เกิดจากความร่วมมือของ Dior และ Technogym ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์อุปกรณ์ออกกำลังกายชั้นนำระดับ High end จากประเทศอิตาลี จนทำให้เกิดคอลเลคชั่นที่มีชื่อว่า Dior Vibe นั่นเองค่ะ แค่เห็น โลโก้ Christian Dior น้อง Genie ก็อยากจะออกกำลังขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ><
เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ที่ห้องฟิตเนสนี้ยังมีตู้กดน้ำและห้องน้ำ แยกเอาไว้ให้ใช้งานอีกด้วยค่ะ เพื่อที่จะไม่เป็นการเสียเวลา ในการขึ้น - ลง ระหว่างชั้น
เพื่อนๆ จะสังเกตเห็นว่าภายในห้อง Sky Gym นั้นจะมีประตูเปิดออกไปยังสวนด้านนอก ซึ่งพื้นที่ตรงนี้สามารถออกมาเล่นโยคะ หรือ สามารถมานั่งพักหลังจากการออกกำลังได้เลยนะคะ
สำหรับชั้นที่ 27 นะคะ จะเป็นชั้นที่มี สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้อง Sky Gym และ Yoga Platform และที่ชั้นนี้นะคะ จะมียูนิตพักอาศัยทั้งหมด 4 ยูนิตค่ะ แต่สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่อยู่ชั้นนี้นะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ เนื่องจากว่า ลูกบ้านชั้นอื่น หากจะมาใช้บริการต้องใช้คีย์การ์ดเท่านั้นค่ะ ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นส่วนตัว และ ความปลอดภัยนั่นเองค่ะ
ในส่วนของห้องฟิตเนสนะคะ ด้านในจะมีเครื่องเล่น เครื่องออกกำลังกายชั้นนำอย่าง Technogym ไม่ว่าจะเป็นเครื่องออกกำลังกายแบบคาดิโอ เวทเทรนนิ่ง และอุปกรณ์สำหรับโยคะค่ะ
สำหรับทัศนียภาพภายในนอกนะคะ ต้องบอกว่าเราสามารถออกกำลังกายไปด้วย ชมวิวด้านนอกไปได้ด้วยค่ะ เนื่องจากว่าห้องออกกำลังกายนี้ถูกออกแบบให้มีผนังกระจกโดยรอบ จึงทำให้เราสามารถมองเห็นวิวได้อย่างชัดเจน และ เต็มที่เลยค่ะ
และที่เป็น Highlight ของฟิตเนสแห่งนี้จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้นะคะ นั่นคือ ม้านั่งยกน้ำหนัก ที่เกิดจากความร่วมมือของ Dior และ Technogym ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์อุปกรณ์ออกกำลังกายชั้นนำระดับ High end จากประเทศอิตาลี จนทำให้เกิดคอลเลคชั่นที่มีชื่อว่า Dior Vibe นั่นเองค่ะ แค่เห็น โลโก้ Christian Dior น้อง Genie ก็อยากจะออกกำลังขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ><
เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ที่ห้องฟิตเนสนี้ยังมีตู้กดน้ำและห้องน้ำ แยกเอาไว้ให้ใช้งานอีกด้วยค่ะ เพื่อที่จะไม่เป็นการเสียเวลา ในการขึ้น - ลง ระหว่างชั้น
เพื่อนๆ จะสังเกตเห็นว่าภายในห้อง Sky Gym นั้นจะมีประตูเปิดออกไปยังสวนด้านนอก ซึ่งพื้นที่ตรงนี้สามารถออกมาเล่นโยคะ หรือ สามารถมานั่งพักหลังจากการออกกำลังได้เลยนะคะ
The Estelle Phrom Phong ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 26 หรือซอยอารีย์ แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 ค่ะ ซึ่งซอยนี้จะเป็นซอยที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ค่ะ และหากพูดถึงสิ่งอำนวยความสะดวกนะคะ ต้องบอกว่าย่านนี้ครบครันมากๆ อย่างเช่นจุดที่เป็นย่าน Shopping หลักๆ ก็จะมีทั้ง EmQuartier Emporium และในอนาคตอันใกล้นี้ก็จะมี Emsphere อีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้โครงการยังอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ หรือเรียกได้ว่าเป็นปอดของคนย่านสุขุมวิทเลยก็ว่าได้ กับ สวนเบญจกิติ หรือสวนลุมพินี นั่นเองค่ะ สามารถไปนั่งพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ และออกกำลังกายกันได้ที่นี่เลยค่ะ
นอกจากนี้ภายในซอยสุขุมวิท 26 นั้นก็ยังมีร้านอาหารชื่อดังอย่าง The Grand Ramen Umai ค่ะเป็นร้านราเม็งชามยักษ์ อีกทั้งยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวรุ่งเรืองที่ต้องบอกว่าอร่อย และ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อมากๆ ภายในซอยนี้ค่ะ แต่หากเพื่อนๆ ท่านใดอยากทานน้อง Genie แนะนำให้เตรียมตัวมาดีๆ นะคะ เพราะว่าทั้งจำนวนคนที่มารอหน้าร้าน และพี่ๆ ไรเดอร์ก็แน่นร้านแล้วค่าา
นอกจากนี้บริเวณท้ายซอยฝั่งถนนพระราม 4 จะมีซูเปอร์มาร์เก็ตและคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง สวนเพลินมาร์เก็ต และ K Village Lotus พระราม 4 และ Big C พระราม 4 รวมไปถึงตลาดสดอีกด้วยค่ะ
ในส่วนของการเดินทางก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าซอยสุขุมวิท 26 ไม่ใช่ซอยตัน แถมยังเชื่อมต่อกับถนนพระราม 4 อีกด้วยค่ะ อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยรถส่วนตัว รถสาธารณะก็สะดวกสบายมากๆ ค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวก็เรียกได้ว่ามีความสะดวกมากๆ ค่ะ เพราะที่ตั้งโครงการปากซอยคือถนนสุขุมวิทท้ายซอยคือถนนพระราม 4 สามารถลัดเลาะไปยังซอยสุขุมวิท 16, 22, 24 และซอย 28
และสำหรับใครที่ต้องใช้ทางด่วนก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะว่าทางโครงการนั้นตั้งอยู่ใกล้กับจุดขึ้น - ลงทางด่วน ซึ่งจะเป็นช่วงทางด่วนเฉลิมมหานคร ซึ่งเป็นเส้นที่ตรงไปดอนเมือง หรือไปยังพระราม 3 เชื่อมไปยังทางด่วนศรีรัช และข้ามไปยังพระราม 2 ได้ หรืออีกทางหนึ่งก็เชื่อมกับทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ นั่นเองค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ
สำหรับการเดินทางโดยรถสาธารณะนั้นก็สะดวกมากๆ เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งหน้าโครงการจะมีรถแท็กซี่ผ่านมาเป็นระยะๆ และที่หน้าปากซอยจะมีคิววินมอเตอร์ไซค์ไว้บริการค่ะ และหากต้องใช้บริการรถไฟฟ้าก็ไม่อยากค่ะ เราสามารถเดินออกจากโครงการไปประมาณ 500 เมตรก็จะถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีพร้อมพงษ์ได้เลยค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ
ร้านสะดวกซื้อ, ตลาด และ ห้างสรรพสินค้า
♦ The Emquartier : 300 เมตร
♦ The Emporium : 350 เมตร
♦ Rain Hill : 550 เมตร
♦ K-Village : 1.0 กิโลเมตร
♦ Piman 49 : 1.3 กิโลเมตร
♦ Terrace 49 : 1.3 กิโลเมตร
♦ Big C พระราม 4 : 1.4 กิโลเมตร
♦ Major Cineplex : 1.7 กิโลเมตร
♦ The Racquet Club : 1.9 กิโลเมตร
♦ Eight Thonglor : 2.2 กิโลเมตร
♦ สวนเพลิน มาร์เก็ต : 2.3 กิโลเมตร
♦ J Avenue : 2.4 กิโลเมตร
โรงพยาบาล
♦ โรงพยาบาลสมิติเวช ~ 1.6 กิโลเมตร
♦ โรงพยาบาลสุขุมวิท ~ 2.2 กิโลเมตร
♦ โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 4.3 กิโลเมตร
สถานศึกษา
♦ KiddyKare International School : 350 ม.
♦ โรงเรียนวนิษา : 400 ม.
♦ The Apple Tree International School : 700 ม.
♦ โรงเรียนสายน้ำผึ้ง : 1.8 กม.
♦ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ : 2.6 กม.
♦ โรงเรียนสาธิต มศว : 2.7 กม.
♦ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย : 2.7 กม.
♦ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ : 2.7 กม.
♦ โรงเรียนนานาชาติเอกมัย : 3.7 กม.
สถานที่ราชการ/ออฟฟิศ
♦ อาคารมาลีนนท์ : 1.4 กม.
♦ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ : 2.2 กม.
♦ โรงงานยาสูบ : 2.4 กม.
The Estelle Phrom Phong ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 26 หรือซอยอารีย์ แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 ค่ะ ซึ่งซอยนี้จะเป็นซอยที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ค่ะ และหากพูดถึงสิ่งอำนวยความสะดวกนะคะ ต้องบอกว่าย่านนี้ครบครันมากๆ อย่างเช่นจุดที่เป็นย่าน Shopping หลักๆ ก็จะมีทั้ง EmQuartier Emporium และในอนาคตอันใกล้นี้ก็จะมี Emsphere อีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้โครงการยังอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ หรือเรียกได้ว่าเป็นปอดของคนย่านสุขุมวิทเลยก็ว่าได้ กับ สวนเบญจกิติ หรือสวนลุมพินี นั่นเองค่ะ สามารถไปนั่งพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ และออกกำลังกายกันได้ที่นี่เลยค่ะ
นอกจากนี้ภายในซอยสุขุมวิท 26 นั้นก็ยังมีร้านอาหารชื่อดังอย่าง The Grand Ramen Umai ค่ะเป็นร้านราเม็งชามยักษ์ อีกทั้งยังมีร้านก๋วยเตี๋ยวรุ่งเรืองที่ต้องบอกว่าอร่อย และ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อมากๆ ภายในซอยนี้ค่ะ แต่หากเพื่อนๆ ท่านใดอยากทานน้อง Genie แนะนำให้เตรียมตัวมาดีๆ นะคะ เพราะว่าทั้งจำนวนคนที่มารอหน้าร้าน และพี่ๆ ไรเดอร์ก็แน่นร้านแล้วค่าา
นอกจากนี้บริเวณท้ายซอยฝั่งถนนพระราม 4 จะมีซูเปอร์มาร์เก็ตและคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง สวนเพลินมาร์เก็ต และ K Village Lotus พระราม 4 และ Big C พระราม 4 รวมไปถึงตลาดสดอีกด้วยค่ะ
ในส่วนของการเดินทางก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าซอยสุขุมวิท 26 ไม่ใช่ซอยตัน แถมยังเชื่อมต่อกับถนนพระราม 4 อีกด้วยค่ะ อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยรถส่วนตัว รถสาธารณะก็สะดวกสบายมากๆ ค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวก็เรียกได้ว่ามีความสะดวกมากๆ ค่ะ เพราะที่ตั้งโครงการปากซอยคือถนนสุขุมวิทท้ายซอยคือถนนพระราม 4 สามารถลัดเลาะไปยังซอยสุขุมวิท 16, 22, 24 และซอย 28
และสำหรับใครที่ต้องใช้ทางด่วนก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะว่าทางโครงการนั้นตั้งอยู่ใกล้กับจุดขึ้น - ลงทางด่วน ซึ่งจะเป็นช่วงทางด่วนเฉลิมมหานคร ซึ่งเป็นเส้นที่ตรงไปดอนเมือง หรือไปยังพระราม 3 เชื่อมไปยังทางด่วนศรีรัช และข้ามไปยังพระราม 2 ได้ หรืออีกทางหนึ่งก็เชื่อมกับทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ นั่นเองค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ
สำหรับการเดินทางโดยรถสาธารณะนั้นก็สะดวกมากๆ เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งหน้าโครงการจะมีรถแท็กซี่ผ่านมาเป็นระยะๆ และที่หน้าปากซอยจะมีคิววินมอเตอร์ไซค์ไว้บริการค่ะ และหากต้องใช้บริการรถไฟฟ้าก็ไม่อยากค่ะ เราสามารถเดินออกจากโครงการไปประมาณ 500 เมตรก็จะถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีพร้อมพงษ์ได้เลยค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ
ร้านสะดวกซื้อ, ตลาด และ ห้างสรรพสินค้า
♦ The Emquartier : 300 เมตร
♦ The Emporium : 350 เมตร
♦ Rain Hill : 550 เมตร
♦ K-Village : 1.0 กิโลเมตร
♦ Piman 49 : 1.3 กิโลเมตร
♦ Terrace 49 : 1.3 กิโลเมตร
♦ Big C พระราม 4 : 1.4 กิโลเมตร
♦ Major Cineplex : 1.7 กิโลเมตร
♦ The Racquet Club : 1.9 กิโลเมตร
♦ Eight Thonglor : 2.2 กิโลเมตร
♦ สวนเพลิน มาร์เก็ต : 2.3 กิโลเมตร
♦ J Avenue : 2.4 กิโลเมตร
โรงพยาบาล
♦ โรงพยาบาลสมิติเวช ~ 1.6 กิโลเมตร
♦ โรงพยาบาลสุขุมวิท ~ 2.2 กิโลเมตร
♦ โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 4.3 กิโลเมตร
สถานศึกษา
♦ KiddyKare International School : 350 ม.
♦ โรงเรียนวนิษา : 400 ม.
♦ The Apple Tree International School : 700 ม.
♦ โรงเรียนสายน้ำผึ้ง : 1.8 กม.
♦ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ : 2.6 กม.
♦ โรงเรียนสาธิต มศว : 2.7 กม.
♦ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย : 2.7 กม.
♦ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ : 2.7 กม.
♦ โรงเรียนนานาชาติเอกมัย : 3.7 กม.
สถานที่ราชการ/ออฟฟิศ
♦ อาคารมาลีนนท์ : 1.4 กม.
♦ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ : 2.2 กม.
♦ โรงงานยาสูบ : 2.4 กม.
โครงการ The Estelle Phrom Phong เป็นอาคารสูง 37 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 146 ยูนิต เป็นโครงการแบบ High Rise ค่ะ ซึ่งด้วยจำนวนยูนิตที่ไม่ได้เยอะมาก ทำให้ทางโครงการมีความเป็นส่วนตัวสูงมากค่ะ เนื้อที่โครงการประมาณ 1.3 ไร่ ตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท 26 ค่ะ ซึ่งทางโครงการ The Estelle พร้อมพงษ์ เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง บริษัทไรมอน แลนด์ ทเวนตี้ ซิก จำกัด และ บริษัทโตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่มีประวัติพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ที่เก่าแก่ที่สุดจากประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ
ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าโครงการนี้ถูกแบบมาในลักษณะ Luxury Zen ภายใต้คอนเซปต์ Urban Living in Peace of Nature คือ การผสมผสานความเป็น Modern และ Nature เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สำหรับบรรยากาศภายในโครงการต้องบอกว่ามีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น ทั้งสวน Japanese Garden, Onsen และอีกมากมาย ใครสายญี่ปุ่นจ๋า ต้องห้ามพลาดโครงการนี้ค่ะ .
สำหรับแนวคิดของโครงการนี้ก็ไม่ธรรมดาค่ะ คือจะเน้นไปที่ความเป็น 3 Senses of Redefined Living ซึ่งมีความหมายดังนี้ค่ะ
👍 Sense of Security ระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน รวมถึงบริการ concierge 24 ชั่วโมง และบริการรถลีมูซีนประจำโครงการโดยเมอร์เซเดส – เบนซ์ เอส คลาส
👍 Sense of Community ทำเลศักยภาพใจกลางสุขุมวิท 26 รายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์สุดพรีเมียม
👍 Sense of Me การออกแบบที่สะท้อนทุกตัวตนของผู้อยู่อาศัย พร้อม Facility ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง
แปลนโครงการ The Estelle Phrom Phong
Ground Floor Plan
สำหรับ Ground Floor Plan นะคะ พื้นที่ชั้น 1 จะเป็นในส่วนของจุด Drop Off และ Lobby Lounge ค่ะ และพื้นที่ชั้น 2 ถึง ชั้น 7 จะเป็นในส่วนของลานจอดรถทั้งหมดค่ะ โดยโครงการนี้มีที่จอดรถรองรับถึง 125% เลยค่ะ และสำหรับลูกบ้านท่านใดที่เป็นเจ้าของห้อง 2 Bedroom ขึ้นไปนะคะ ทางโครงการก็ได้มีการ Fix ที่จอดรถให้อีก 1 คันค่ะ ข้อดีก็คือเราไม่ต้องวนหาที่จอดรถเลยหล่ะค่ะ
แปลนชั้น 8
สำหรับที่ชั้น 8 นะคะ จะรวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง Japanese Garden, สระว่ายน้ำยาว, โซน Jacuzzi อ่างน้ำร้อนแบบญี่ปุ่น (Onsen), Sauna, Multi – purpose Area และห้อง Private Dining นั่นเองค่ะ
แปลนชั้น 27
สำหรับชั้นที่ 27 นะคะ จะเป็นชั้นที่มี สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้อง Sky Gym และ Yoga Platform และที่ชั้นนี้นะคะ จะมียูนิตพักอาศัยทั้งหมด 4 ยูนิตค่ะ
แบบห้องของโครงการ The Estelle Phrom Phong
ในส่วนของแบบห้องที่โครงการนี้นะคะ ซึ่งต้องบอกว่าโครงการเปิดการขายแบบ Fully – Fitted ค่ะ โดยเราสามารถเลือกห้องได้จากฟังก์ชันที่หลากหลาย ซึ่งโครงการจะมีแบบห้องทั้งหมด 4 Type ดังนี้ค่ะ
UNIT: 1B1
UNIT TYPE: SIMPLEX 1 BEDROOM
AREA: 57.5 SQ.M.
UNIT: 1B1A
UNIT TYPE: SIMPLEX 1 BEDROOM WITH WEST VIEW
AREA: 57.0 SQ.M.
UNIT: 1B2
UNIT TYPE: SIMPLEX 1 BEDROOM
AREA: 55.0 SQ.M
UNIT: 2B1
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS + STUDY ROOM
AREA: 132.5 SQ.M.
UNIT: 2B2
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS
AREA: 92.5 SQ.M.
UNIT: 2B2A
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS WITH WEST VIEW
AREA: 92 SQ.M.
UNIT: 2B3
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS + STUDY ROOM
AREA: 136.0 SQ.M.
UNIT: 2B4
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS
AREA: 104.0 SQ.M.
UNIT: 2B5
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS
AREA: 89.5 SQ.M.
UNIT: 2B5A
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOM WITH WEST VIEW
AREA: 88.5 SQ.M.
UNIT: 2B6
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS + STUDY ROOM
AREA: 143.5 SQ.M.
UNIT: 3B1
UNIT TYPE: SIMPLEX 3 BEDROOMS
AREA: 160.0 SQ.M.
ข้อมูลโครงการ ( Update 20 ธ.ค. 2022 )
ชื่อโครงการ : ดิ เอสเทลส์ พร้อมพงษ์ (The Estelle Phrom Phong)
ที่ตั้ง : ซอยสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. 10110
เนื้อที่ : ประมาณ 1-3-97.2 ไร่ (3,188.8 ตร.ม.)
ลักษณะโครงการ : คอนโด High Rise 37 ชั้น 1 อาคาร 146 ยูนิต (รวมห้องชุดพิเศษ 74 ยูนิต พร้อมลิฟต์โดยสารส่วนตัว)
แบบ/ ขนาดห้อง : ฝ้าเพดานสูง 3.15 เมตร (เฉพาะพื้นที่หลักเท่านั้น)
- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 55.63 – 63.61 ตร.ม.
- 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 90.46 – 143.44 ตร.ม.
- 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 161.60 ตร.ม.
- Penthouse พื้นที่ใช้สอย 360 – 378 ตร.ม.
จำนวนที่จอดรถ : 197 คัน คิดเป็น 125% ชั้นพื้นที่จอดรถซุปเปอร์คาร์พร้อมจุดเชื่อมต่อสำหรับชาร์จรถที่มีระบบไฟฟ้า (ไม่รวมอุปกรณ์เครื่องชาร์จรถที่มีระบบไฟฟ้า) สถานีชาร์จส่วนกลางสำหรับรถที่มีระบบไฟฟ้า
สถานะโครงการ : สร้างเสร็จพร้อมอยู่
ราคาเริ่มต้น : โครงการ 16.8 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย : ทั้งโครงการประมาณ 359,986 บาท/ตร.ม.
เว็บไซต์โครงการ : The Estelle Phrom Phong
Call Center : 02-029-1888
เจ้าของโครงการ : บริษัท ไรมอนด์ แลนด์ ทเวนตี้ ซิก จำกัด (มหาชน)
SEGMENT CLASS : SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่ คลิก)
โครงการ The Estelle Phrom Phong เป็นอาคารสูง 37 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 146 ยูนิต เป็นโครงการแบบ High Rise ค่ะ ซึ่งด้วยจำนวนยูนิตที่ไม่ได้เยอะมาก ทำให้ทางโครงการมีความเป็นส่วนตัวสูงมากค่ะ เนื้อที่โครงการประมาณ 1.3 ไร่ ตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท 26 ค่ะ ซึ่งทางโครงการ The Estelle พร้อมพงษ์ เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง บริษัทไรมอน แลนด์ ทเวนตี้ ซิก จำกัด และ บริษัทโตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่มีประวัติพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ที่เก่าแก่ที่สุดจากประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ
ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าโครงการนี้ถูกแบบมาในลักษณะ Luxury Zen ภายใต้คอนเซปต์ Urban Living in Peace of Nature คือ การผสมผสานความเป็น Modern และ Nature เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สำหรับบรรยากาศภายในโครงการต้องบอกว่ามีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น ทั้งสวน Japanese Garden, Onsen และอีกมากมาย ใครสายญี่ปุ่นจ๋า ต้องห้ามพลาดโครงการนี้ค่ะ .
สำหรับแนวคิดของโครงการนี้ก็ไม่ธรรมดาค่ะ คือจะเน้นไปที่ความเป็น 3 Senses of Redefined Living ซึ่งมีความหมายดังนี้ค่ะ
👍 Sense of Security ระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน รวมถึงบริการ concierge 24 ชั่วโมง และบริการรถลีมูซีนประจำโครงการโดยเมอร์เซเดส – เบนซ์ เอส คลาส
👍 Sense of Community ทำเลศักยภาพใจกลางสุขุมวิท 26 รายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์สุดพรีเมียม
👍 Sense of Me การออกแบบที่สะท้อนทุกตัวตนของผู้อยู่อาศัย พร้อม Facility ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง
แปลนโครงการ The Estelle Phrom Phong
Ground Floor Plan
สำหรับ Ground Floor Plan นะคะ พื้นที่ชั้น 1 จะเป็นในส่วนของจุด Drop Off และ Lobby Lounge ค่ะ และพื้นที่ชั้น 2 ถึง ชั้น 7 จะเป็นในส่วนของลานจอดรถทั้งหมดค่ะ โดยโครงการนี้มีที่จอดรถรองรับถึง 125% เลยค่ะ และสำหรับลูกบ้านท่านใดที่เป็นเจ้าของห้อง 2 Bedroom ขึ้นไปนะคะ ทางโครงการก็ได้มีการ Fix ที่จอดรถให้อีก 1 คันค่ะ ข้อดีก็คือเราไม่ต้องวนหาที่จอดรถเลยหล่ะค่ะ
แปลนชั้น 8
สำหรับที่ชั้น 8 นะคะ จะรวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง Japanese Garden, สระว่ายน้ำยาว, โซน Jacuzzi อ่างน้ำร้อนแบบญี่ปุ่น (Onsen), Sauna, Multi – purpose Area และห้อง Private Dining นั่นเองค่ะ
แปลนชั้น 27
สำหรับชั้นที่ 27 นะคะ จะเป็นชั้นที่มี สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้อง Sky Gym และ Yoga Platform และที่ชั้นนี้นะคะ จะมียูนิตพักอาศัยทั้งหมด 4 ยูนิตค่ะ
แบบห้องของโครงการ The Estelle Phrom Phong
ในส่วนของแบบห้องที่โครงการนี้นะคะ ซึ่งต้องบอกว่าโครงการเปิดการขายแบบ Fully – Fitted ค่ะ โดยเราสามารถเลือกห้องได้จากฟังก์ชันที่หลากหลาย ซึ่งโครงการจะมีแบบห้องทั้งหมด 4 Type ดังนี้ค่ะ
UNIT: 1B1
UNIT TYPE: SIMPLEX 1 BEDROOM
AREA: 57.5 SQ.M.
UNIT: 1B1A
UNIT TYPE: SIMPLEX 1 BEDROOM WITH WEST VIEW
AREA: 57.0 SQ.M.
UNIT: 1B2
UNIT TYPE: SIMPLEX 1 BEDROOM
AREA: 55.0 SQ.M
UNIT: 2B1
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS + STUDY ROOM
AREA: 132.5 SQ.M.
UNIT: 2B2
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS
AREA: 92.5 SQ.M.
UNIT: 2B2A
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS WITH WEST VIEW
AREA: 92 SQ.M.
UNIT: 2B3
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS + STUDY ROOM
AREA: 136.0 SQ.M.
UNIT: 2B4
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS
AREA: 104.0 SQ.M.
UNIT: 2B5
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS
AREA: 89.5 SQ.M.
UNIT: 2B5A
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOM WITH WEST VIEW
AREA: 88.5 SQ.M.
UNIT: 2B6
UNIT TYPE: SIMPLEX 2 BEDROOMS + STUDY ROOM
AREA: 143.5 SQ.M.
UNIT: 3B1
UNIT TYPE: SIMPLEX 3 BEDROOMS
AREA: 160.0 SQ.M.
ข้อมูลโครงการ ( Update 20 ธ.ค. 2022 )
ชื่อโครงการ : ดิ เอสเทลส์ พร้อมพงษ์ (The Estelle Phrom Phong)
ที่ตั้ง : ซอยสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. 10110
เนื้อที่ : ประมาณ 1-3-97.2 ไร่ (3,188.8 ตร.ม.)
ลักษณะโครงการ : คอนโด High Rise 37 ชั้น 1 อาคาร 146 ยูนิต (รวมห้องชุดพิเศษ 74 ยูนิต พร้อมลิฟต์โดยสารส่วนตัว)
แบบ/ ขนาดห้อง : ฝ้าเพดานสูง 3.15 เมตร (เฉพาะพื้นที่หลักเท่านั้น)
- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 55.63 – 63.61 ตร.ม.
- 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 90.46 – 143.44 ตร.ม.
- 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 161.60 ตร.ม.
- Penthouse พื้นที่ใช้สอย 360 – 378 ตร.ม.
จำนวนที่จอดรถ : 197 คัน คิดเป็น 125% ชั้นพื้นที่จอดรถซุปเปอร์คาร์พร้อมจุดเชื่อมต่อสำหรับชาร์จรถที่มีระบบไฟฟ้า (ไม่รวมอุปกรณ์เครื่องชาร์จรถที่มีระบบไฟฟ้า) สถานีชาร์จส่วนกลางสำหรับรถที่มีระบบไฟฟ้า
สถานะโครงการ : สร้างเสร็จพร้อมอยู่
ราคาเริ่มต้น : โครงการ 16.8 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ย : ทั้งโครงการประมาณ 359,986 บาท/ตร.ม.
เว็บไซต์โครงการ : The Estelle Phrom Phong
Call Center : 02-029-1888
เจ้าของโครงการ : บริษัท ไรมอนด์ แลนด์ ทเวนตี้ ซิก จำกัด (มหาชน)
SEGMENT CLASS : SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่ คลิก)
สำหรับโครงการ The Estelle Phrom Phong นะคะ ต้องบอกวัสดุที่ทางโครงการใช้นั้น ได้รับความใส่ใจทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกอุปกรณ์ การเลือกวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ
และรูปแบบการขายของโครงการจะเป็น Fully Fitted คือจะมีเฟอร์นิเจอร์ให้บางส่วน เพราะฉะนั้นทางโครงการจะ Built in มาให้เรียบร้อยเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ตู้รองเท้า ตู้เสื้อผ้าและเคาน์เตอร์ครัว ซึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ภายในครัว ทางโครงการเลือกใช้เป็นแบรนด์ GAGGENAU ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีคุณภาพสูง ในประเทศเยอรมนี อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้นำด้านการออกแบบและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยสมัยอีกด้วยค่ะ และยังมี ตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ เครื่องซักผ้าแบบ 2 in 1 และเครื่องล้างจานของแบรนด์ BOSCH มาให้อีกด้วยค่ะ
ในส่วนประตู และ หน้าต่างนะคะ ทางโครงการเลือกใช้เป็น กระจก Double glazed tempered glass ที่ต้องบอกว่ามีคุณสมบัติช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงาน สามารถกันเสียง และ กันแสง UV ที่จะเข้ามาให้ห้องได้อีกด้วยค่ะ
ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำต้องบอกว่าทางโครงการได้ เลือกเป็นสุขภัณฑ์แบบครบชุด ของแบรนด์ KOHLER ที่ทางแบรนด์ได้ออกสีพิเศษมาให้คือ สี Vibrant Brushed Gold ซึ่งจะเป็นสีที่พิเศษมากๆ ค่ะ และ จะไม่สามารถพบที่ไหนได้เลยค่ะ
ในส่วนของฉากกั้นอาบน้ำ จะเป็นของแบรนด์ RIVIERA สีชาค่ะ ซึ่งมีความเข้ากันกับโทนสีของ KOHLER ที่เป็นสีทองนั่นเองค่ะ
และที่พิเศษมากๆ เลยทางโครงการนี้จะมียูนิตพิเศษที่ เฟอร์นิเจอร์ทั้งห้องจะเป็นของแบรนด์ ระดับ High end อย่าง Fendi Casa ซึ่งต้องบอกว่าเป็นแบรนด์ระดับ High end ที่เป็น Iconic Fasion จากอิตาลีเลยค่ะ
และอีก Highlight ที่สายสปอร์ตไม่ควรพลาดนะคะ จะเป็นเครื่องออกกำลังกายที่ทางโครงการเลือกใช้ Collection พิเศษจาก Dior x Technogym ที่ช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับ Gym&Yoga ซึ่งจะอยู่ที่ชั้น 27 นั่นเองค่ะ
สำหรับโครงการ The Estelle Phrom Phong นะคะ ต้องบอกวัสดุที่ทางโครงการใช้นั้น ได้รับความใส่ใจทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกอุปกรณ์ การเลือกวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ
และรูปแบบการขายของโครงการจะเป็น Fully Fitted คือจะมีเฟอร์นิเจอร์ให้บางส่วน เพราะฉะนั้นทางโครงการจะ Built in มาให้เรียบร้อยเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ตู้รองเท้า ตู้เสื้อผ้าและเคาน์เตอร์ครัว ซึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ภายในครัว ทางโครงการเลือกใช้เป็นแบรนด์ GAGGENAU ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือนที่มีคุณภาพสูง ในประเทศเยอรมนี อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้นำด้านการออกแบบและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยสมัยอีกด้วยค่ะ และยังมี ตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ เครื่องซักผ้าแบบ 2 in 1 และเครื่องล้างจานของแบรนด์ BOSCH มาให้อีกด้วยค่ะ
ในส่วนประตู และ หน้าต่างนะคะ ทางโครงการเลือกใช้เป็น กระจก Double glazed tempered glass ที่ต้องบอกว่ามีคุณสมบัติช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงาน สามารถกันเสียง และ กันแสง UV ที่จะเข้ามาให้ห้องได้อีกด้วยค่ะ
ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำต้องบอกว่าทางโครงการได้ เลือกเป็นสุขภัณฑ์แบบครบชุด ของแบรนด์ KOHLER ที่ทางแบรนด์ได้ออกสีพิเศษมาให้คือ สี Vibrant Brushed Gold ซึ่งจะเป็นสีที่พิเศษมากๆ ค่ะ และ จะไม่สามารถพบที่ไหนได้เลยค่ะ
ในส่วนของฉากกั้นอาบน้ำ จะเป็นของแบรนด์ RIVIERA สีชาค่ะ ซึ่งมีความเข้ากันกับโทนสีของ KOHLER ที่เป็นสีทองนั่นเองค่ะ
และที่พิเศษมากๆ เลยทางโครงการนี้จะมียูนิตพิเศษที่ เฟอร์นิเจอร์ทั้งห้องจะเป็นของแบรนด์ ระดับ High end อย่าง Fendi Casa ซึ่งต้องบอกว่าเป็นแบรนด์ระดับ High end ที่เป็น Iconic Fasion จากอิตาลีเลยค่ะ
และอีก Highlight ที่สายสปอร์ตไม่ควรพลาดนะคะ จะเป็นเครื่องออกกำลังกายที่ทางโครงการเลือกใช้ Collection พิเศษจาก Dior x Technogym ที่ช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับ Gym&Yoga ซึ่งจะอยู่ที่ชั้น 27 นั่นเองค่ะ
ราคาห้องของโครงการ The Estelle Phrom Phong
** ราคาดังกล่าวยังไม่รวม **
-
ค่าโอนกรรมสิทธิ์ 2 %
-
ค่าภาษีเงินได้ 2%
ราคาห้องของโครงการ The Estelle Phrom Phong
** ราคาดังกล่าวยังไม่รวม **
-
ค่าโอนกรรมสิทธิ์ 2 %
-
ค่าภาษีเงินได้ 2%
สำหรับโครงการ The Estelle Phrom Phong นั้นน้อง Genie มีโอกาสได้ลงพื้นที่สำรวจโครงการด้วยตนเองค่ะ ครั้งแรกที่ก้าวเท้าเข้าก็สัมผัสได้ถึงความเงียบ สงบ ได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น ทั้งแสง สี กลิ่น โดยเฉพาะภายใน Lobby Lounge ซึ่งจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมปรับอากาศ ทำให้การรอไม่น่าเบื่ออีกต่อไปค่ะ
และแน่นอนค่ะว่าถูกใจสาย Pet Lover อย่างแน่นอนด้วยสวนหย่อมที่ด้านหน้าโครงการ ซึ่งจัดไว้ให้น้องหมา น้องแมว ได้มาเดินออกกำลังกาย ปลดปล่อยพลังกันค่ะ
และสำหรับใครที่ยังลังเลว่าจะซื้อโครงการนี้ดีหรือไม่นั้น น้อง Genie เตรียมความคุ้มมาบอกเพื่อนๆ แล้วค่ะ
👍 โครงการนี้เป็นโครงการ Pet Friendly สามารถเลี้ยงสัตว์ได้
👍 โครงการนี้อยู่ใกล้ถนนสุขุมวิท ใกล้แหล่งธุรกิจ และย่านช็อปปิ้ง
👍 เดินทางไปไหน มาไหนสะดวกมาก ทั้งการใช้รถโดยสาร และ รถส่วนตัว
👍 เต็มที่กับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น apanese Garden, สระว่ายน้ำ, โซน Jacuzzi อ่างน้ำร้อนแบบญี่ปุ่น (Onsen), Sauna, Multi – purpose Area และห้อง Private Dining บนพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม.
👍 โครงการนี้มีจุดเด่นที่เรียกว่าน้อยมากที่ทุกโครงการจะมี นั่นคือ ชั้นจอดรถสำหรับ Super Car โดยเฉพาะ
👍 และอีกหนึ่ง highlights ที่เรียกได้ว่าพบได้น้อยมาก หรือ เรียกได้ว่ามีแค่โครงการนี้โครงการเดียวเท่านั้นที่มี ห้อง Guest room หรือ ห้องพักส่วนกลางสำหรับผู้มาเยือนนั่นเองค่ะ
แค่ที่น้อง Genie ยกตัวอย่างมาถือว่าเป็นแค่น้ำจิ้มนะคะ ยังมีส่วนอื่น และรายละเอียดอื่นๆ ที่รอให้เพื่อนๆ เข้าไปสัมผัสความเรียบหรู และความคุ้มค่าที่โครงการอีกเยอะเลยค่ะ
สามารถติดตามเราได้ที่
LINE: @genie-property.com
FACEBOOK: Genie-Property.com
EMAIL: sales@genie-property.com
CALL CENTER: 093-232-9888,064-931-8666
WEBSITE : www.genie-property.com
สำหรับโครงการ The Estelle Phrom Phong นั้นน้อง Genie มีโอกาสได้ลงพื้นที่สำรวจโครงการด้วยตนเองค่ะ ครั้งแรกที่ก้าวเท้าเข้าก็สัมผัสได้ถึงความเงียบ สงบ ได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น ทั้งแสง สี กลิ่น โดยเฉพาะภายใน Lobby Lounge ซึ่งจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมปรับอากาศ ทำให้การรอไม่น่าเบื่ออีกต่อไปค่ะ
และแน่นอนค่ะว่าถูกใจสาย Pet Lover อย่างแน่นอนด้วยสวนหย่อมที่ด้านหน้าโครงการ ซึ่งจัดไว้ให้น้องหมา น้องแมว ได้มาเดินออกกำลังกาย ปลดปล่อยพลังกันค่ะ
และสำหรับใครที่ยังลังเลว่าจะซื้อโครงการนี้ดีหรือไม่นั้น น้อง Genie เตรียมความคุ้มมาบอกเพื่อนๆ แล้วค่ะ
👍 โครงการนี้เป็นโครงการ Pet Friendly สามารถเลี้ยงสัตว์ได้
👍 โครงการนี้อยู่ใกล้ถนนสุขุมวิท ใกล้แหล่งธุรกิจ และย่านช็อปปิ้ง
👍 เดินทางไปไหน มาไหนสะดวกมาก ทั้งการใช้รถโดยสาร และ รถส่วนตัว
👍 เต็มที่กับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น apanese Garden, สระว่ายน้ำ, โซน Jacuzzi อ่างน้ำร้อนแบบญี่ปุ่น (Onsen), Sauna, Multi – purpose Area และห้อง Private Dining บนพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม.
👍 โครงการนี้มีจุดเด่นที่เรียกว่าน้อยมากที่ทุกโครงการจะมี นั่นคือ ชั้นจอดรถสำหรับ Super Car โดยเฉพาะ
👍 และอีกหนึ่ง highlights ที่เรียกได้ว่าพบได้น้อยมาก หรือ เรียกได้ว่ามีแค่โครงการนี้โครงการเดียวเท่านั้นที่มี ห้อง Guest room หรือ ห้องพักส่วนกลางสำหรับผู้มาเยือนนั่นเองค่ะ
แค่ที่น้อง Genie ยกตัวอย่างมาถือว่าเป็นแค่น้ำจิ้มนะคะ ยังมีส่วนอื่น และรายละเอียดอื่นๆ ที่รอให้เพื่อนๆ เข้าไปสัมผัสความเรียบหรู และความคุ้มค่าที่โครงการอีกเยอะเลยค่ะ
สามารถติดตามเราได้ที่
LINE: @genie-property.com
FACEBOOK: Genie-Property.com
EMAIL: sales@genie-property.com
CALL CENTER: 093-232-9888,064-931-8666
WEBSITE : www.genie-property.com
เกี่ยวกับผู้เขียน
Paweena
สนใจเรื่องอสังหาริมทรัพย์ และไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต ชอบออกไปสำรวจสถานที่ ศึกษาทำเลต่างๆ ดูงานสถาปัตยกรรมคอนโด ทุกบทความล้วนถูกกลั่นกรองมาจากความคิดและความรู้สึก พร้อมยินดีรับคำแนะนำ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ๆเสมอค่ะ :)