ก่อนซื้อบ้านมือสองต้องรู้!! กับ ขั้นตอนในการยื่นกู้ซื้อบ้าน
สร้างเมื่อ Oct 14, 2022
น้อง Genie เชื่อว่าก่อนที่เราจะซื้อบ้านนั้น เราต้องศึกษาขั้นตอน และ รายละเอียดของตัวบ้านนั้นๆ เป็นอย่างดีถูกต้องไหมคะ และยิ่งเป็นบ้านมือสองด้วย ยิ่งต้องการทำตรวจสอบให้ดีเลย เพราะฉะนั้นวันนี้น้อง Genie มีลิสต์ ขั้นตอน และ เรื่องที่เราต้องรู้ในการกู้ซื้อบ้านมือสองมาฝากค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาเล้ยยยยค่าา
1. 5 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนซื้อบ้านมือสอง
สำหรับการซื้อบ้าน หรือ การกู้ซื้อบ้านมือสองนะคะ เพื่อนๆ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า บ้านมือสองนั้น มีความแตกต่างจากการซื้อบ้านใหม่ หรือบ้านมือหนึ่งเป็นอย่างมากเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถเราแน่นอนค่ะ ซึ่งสิ่งที่เราจะต้องทำความเข้าใจ และ ศึกษามีดังนี้ค่ะ
1. ซื้อบ้านมือสอง ไม่มีการผ่อนดาวน์
โดยปกติแล้วนั้น การผ่อนดาวน์บ้าน เราจะสามารถพบเห็นได้จากโครงการที่เพิ่งสร้างใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ คอนโด หรือ บ้านนะคะ แต่สำหรับบ้านมือสองที่เจ้าของบ้านพร้อมโอนกรรมสิทธิ์และรับเงินในทันที จะไม่มีการผ่อนดาวน์บ้านค่ะ ดังนั้นเพื่อนๆ จะต้องเตรียมเงินสำรองในส่วนของตรงนี้ด้วยนะคะ
2. ขอสินเชื่อกับธนาคารได้วงเงินไม่เต็ม 100%
โดยส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะกำหนดวงเงินกู้ซื้อบ้านมือสองไม่เกิน 80% - 90% นะคะ ซึ่งจะมีความแตกต่างจากการกู้ซื้อบ้านมือหนึ่งที่ธนาคารจะให้วงเงินกู้สูงสุด 100% - 110% นั่นเองค่ะ เพราะว่าในการให้สินเชื่อนั้น ธนาคารจะพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ค่าเสื่อม ทำเลที่ตั้ง และนโยบายการรับจำนองบ้านมือสองของแต่ละธนาคารนั่นเองค่ะ
แต่ก็จะมีบางธนาคารที่สามารถอนุมัติวงเงินกู้ได้สูงสุด 100% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน แต่ก็ต้องดูที่เงื่อนไขของธนาคารด้วยค่ะ ส่วนใหญ่แล้วนั้นจะมีการกำหนดวงเงินกู้ ให้กู้ได้ไม่เกิน 3,000,000 บาท หรืออาจจะมีกฎเกณฑ์ของผู้ขอสินเชื่อมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ผู้ขอสินเชื่อจะต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ 30,000 บาท ขึ้นไปนั่นเองค่ะ
3. การซื้อบ้านมือสอง มีขั้นตอน และ ใช้เวลานาน
สำหรับขั้นตอนในการดำเนินการเพื่อซื้อบ้านมือสองนั้น จะมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็น การตกลงเจรจาเพื่อทำการทำสัญญาซื้อขายกับเจ้าของบ้านคนเดิม เพื่อที่เราจะสามารถขอสำเนาโฉนดที่ดินจากเจ้าของบ้าน และ สัญญาซื้อขายที่ร่างขึ้น ไปทำเรื่องขอสินเชื่อกับทางธนาคาร ซึ่งในขั้นตอนถัดไปนั้น ทางธนาคารจะเข้ามาประเมินก่อนที่จะอนุมัติวงเงินให้เรานั่นเองค่ะ
หรือถ้าหากว่าบ้านนั้นติดจำนองกับธนาคารอื่นอยู่ จะต้องให้เจ้าของเดิมนั้นทำการดำเนินเรื่องไถ่ถอนให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อนๆ จึงจะสามารถไปขอสินเชื่อได้ค่ะ
ในส่วนของการโอนกรรมสิทธิ์นั้น ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย และ ทางธนาคารจะต้องไปดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานกรมที่ดินให้เรียบร้อยภายในวันนั้นๆ เพื่อที่ผู้ซื้ออย่างเราจะสามารถนำบ้านไปจำนองกับธนาคารที่เราได้ทำเรื่องขอสินเชื่อไปก่อนหน้านี้ได้ รวมไปถึงการทำเรื่องย้ายทะเบียนบ้าน และมิเตอร์น้ำ-ไฟ ให้เรียบร้อย การซื้อขายจึงจะเสร็จสมบูรณ์นั่นเองค่ะ
4. ตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ กับผู้ขาย
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะคะว่าในการซื้อบ้าน หรือ คอนโดนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์ ดังนี้ค่ะ
- ค่าธรรมเนียมการโอน 2% (แบ่งกันชำระฝ่ายละ 1% หรือตามแต่ตกลง)
- ค่าอากรแสตมป์ 0.5% หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% (ควรเป็นภาระของผู้ขาย)
- ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร (ควรเป็นภาระของผู้ขาย)
- ค่าจดจำนอง 1% ของมูลค่าที่จำนอง (ควรเป็นภาระของผู้ซื้อ)
ดังนั้นเพื่อนๆ ควรจะปรึกษา และ ตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายกับทางเจ้าของบ้านให้เรียบร้อย เพื่อปกกันปัญหาที่จะตามมานะคะ
5. เงินสำรองสำหรับ ซ่อมแซมหรือ Renovate บ้านใหม่
2. ขั้นตอนในการขอสินเชื่อบ้านมือสองกับธนาคาร
แน่นอนค่ะว่าในการซื้อบ้านมือสองนั้น เป็นบ้านที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว เพราะฉะนั้นบริเวณรอบๆ บ้าน หรือ ภายในตัวบ้านนั้นอาจจะมีจุดที่ชำรุด ซึ่งตอนเราตรวจสอบอาจจะไม่พบ หรือ แม้กระทั่งการจัดแต่ง ตกแต่งบ้านใหม่เพื่อให้ตรงกับใลฟ์สไตล์ของเรา เพราะฉะนั้นเราจะต้องเตรียมเงินไว้เพื่อซ่อมแซมบางส่วนด้วยค่ะ เพราะว่าธนาคารมักจะไม่มีวงเงินให้กู้เพิ่มเติมสำหรับการซ่อมแซมบ้านมือสอง ซึ่งจะแตกต่างจากการขอสินเชื่อบ้านใหม่ ที่ธนาคารมักจะแถมวงเงินเพิ่มให้สำหรับการตกแต่งต่อเติมให้กับผู้ขอสินเชื่อนั่นเองค่ะ
สำหรับการยื่นขอสินเชื่อกับทางธนาคารนะคะ ต้องบอกก่อนว่าแต่ละธนาคารจะมีขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป แต่เพื่อนๆ ก็สามารถนำข้อมูลที่น้อง Genie สรุปไว้มาปรับใช้ได้เช่นเดียวกันค่ะ
ตกลงราคาซื้อขายกับเจ้าของบ้าน
เมื่อเพื่อนๆ ทำการตกลงราคาซื้อขายกับเจ้าของบ้านได้แล้วนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำต่อมาเลยก็คือ การหาธนาคารที่มีโปรโมชั่น หรือ ธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ถูก น้อง Genie แนะนำให้ลองยื่นดูเผื่อสัก 3 - 4 ธนาคารเพื่อเปรียบเทียบดอกเบี้ย และ โปรโมชั่นต่างๆค่ะ
เตรียมเอกสารกู้ซื้อบ้านมือสอง
เมื่อเราได้ราคา และ เลือกธนาคารได้แล้ว สิ่งต่อไปคือการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นกู้ค่ะ ซึ่งเอกสารมีดังนี้ค่ะ
1. เอกสารของผู้ซื้อ
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
- สำเนาเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
2. เอกสารรับรองรายได้
เอกสารสำหรับพนักงานประจำ
- หนังสือรับรองเงินเดือน
- เอกสารเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
เอกสารสำหรับเจ้าของกิจการ
- เอกสารเดินบัญชีย้อนหลัง 12 เดือน
- สำเนาการจดทะเบียนนิติบุคคล สำเนาทะเบียนการค้า, สำเนาทะเบียนพาณิชย์, หรือสำเนา
- ทะเบียนนิติบุคคล
- ภาพถ่ายหน้าร้านค้า หรือบริษัท
- เอกสารการเสียภาษีย้อนหลัง 1 ปี
เอกสารที่ต้องขอจากเจ้าของบ้าน
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ขาย
- สำเนาโฉนดที่ดินที่บ้านหลังนี้ตั้งอยู่
- ใบประเมินราคาที่ดิน
- สัญญาซื้อขายบ้านที่ทำกับผู้ขาย
และเมื่อเราเตรียมเอกสารครบแล้วนะคะ ทางธนาคารจะทำการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ รายรับ และ รายจ่าย รวมไปถึงเครดิตบูโรของเราด้วยค่ะ ซึ่งธนาคารจะใช้เวลาในการพิจารณาเอกสารประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ และเมื่อเราผ่านพิจารณาทางธนาคารจะทำการขอเข้าประเมินบ้านที่เราทำเรื่องขอกู้ในทันทีค่ะ
ธนาคารเข้าประเมินบ้าน
เมื่อมาถึงตรงนี้นั้น เราสามารถมั่นใจได้เลยค่ะว่า ธนาคารได้พิจารณาที่จะอนุมัติวงเงินให้เราแล้วนั่นเองค่ะ ซึ่งขั้นตอนในการประเมินบ้าน ธนาคารจะลงพื้นที่ตรวจสอบแค่หน้างานเท่านั้นค่ะ ในส่วนที่เหลือจะให้บริษัทที่รับประเมินดูแลต่อ ซึ่งเพื่อนๆ มีหน้าที่ในการนัดหมายกับเจ้าของบ้านให้มาเปิดบ้านเท่านั้นค่ะ
ที่สำคัญในการประเมินบ้านนั้นมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500 - 2,000 บาทแล้วแต่ธนาคารจะเป็นผู้กำหนดนั่นเองค่ะ
การอนุมัติวงเงิน
เมื่อบริษัทประเมินบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็จะทำการส่งเอกสารให้กับทางธนาคาร เพื่อที่ธนาคารจะได้ทำการประเมินอีกครั้งนั่นเองค่ะ ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 3 วันค่ะ ซึ่งถ้าธนาคารอนุมัติก็จะอนุมัติเป็นวงเงินขั้นต่ำให้คือ ถ้าราคาประเมินบ้านออกมาสูงกว่าราคาขายที่ทำไว้ในสัญญาจะซื้อจะขาย ธนาคารจะอนุมัติวงเงินที่ราคาขายให้ครับ แต่ถ้าหากราคาประเมินบ้านออกมาต่ำและเราขอกู้ไว้ในวงเงินที่สูง ธนาคารก็จะอนุมัติวงเงินเท่าราคาประเมินขั้นต่ำให้นั่นเองค่ะ
ธนาคารอนุมัติวงเงินกู้
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ เมื่อเราได้วงเงินอนุมัติจากธนาคารเรียบร้อยแล้วนั้น ทางธนาคารจะให้เรามาเซ็นสัญญาค่ะ และในส่วนที่เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มก็คือ ในส่วนของประกันบ้านนั่นเองค่ะ ซึ่งส่วนนี้เราจำเป็นต้องทำค่ะ เผื่อ้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น บ้านไฟไหม้ พายุ เป็นต้นค่ะ
3. สินเชื่อบ้านมือสองธนาคารไหนดีสุด 2565
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ไม่รู้ว่าจะยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารไหนดี วันนี้น้อง Genie มีมาให้เพื่อนๆ ตัดสินใจถึง 3 ธนาคารด้วยยกัน จะมีธนาคารไหนน่าสนใจบ้างนั้น มาดูกันเลยค่าาาา
1. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
จุดเด่นสินเชื่อบ้าน Dream Homes by GHB
- สินเชื่อบ้าน ธอส. เริ่มต้นผ่อนล้านละ 3,000 บาท/เดือน
- ผ่อนได้นานตั้งแต่ 3 ปี 6 เดือน ถึง 40 ปี ทั้งนี้อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ขอกู้จะต้องไม่เกิน 70 ปี
- วงเงินให้กู้รวมทุกบัญชีภายใต้หลักประกันเดียวกันไม่เกิน 7 ล้านบาท
- ส่วนอัตราดอกเบี้ย 1-3 ปีแรกจะอยู่ที่ 3.25% ต่อปี
- ผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้และอนุมัติตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2565 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2565
จุดเด่นสินเชื่อบ้านกรุงศรี เพื่อที่อยู่อาศัย
- อัตราดอกเบี้ยบ้านมือสองและบ้านมือหนึ่งต่ำ
- ได้วงเงินกู้สูงสุด 90% ของราคาประเมิน
- อนุมัติเร็ว
- สบายๆ กับการผ่อนชำระนานได้นานสูงสุดถึง 30 ปี (ระยะเวลาการผ่อนชำระเมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี)
- สิทธิพิเศษ สำหรับผู้ใช้บัญชีเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 0.25% จากอัตราดอกเบี้ยปกติ
จุดเด่นสินเชื่อบ้านใหม่ - บ้านมือสอง
- ฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย (มูลค่าประมาณ 1,000 บาทต่อปี ต่อราคาบ้าน 1 ล้านบาท)
- ฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์
- ฟรี ค่าจดทะเบียนจำนอง (มูลค่า 1% ของเงินกู้ สูงสุด 200,000 บาท)
- ผ่อนสบายนานสูงสุด 35 ปี
- วงเงินอนุมัติสูงสุด 50 ล้านบาท
วงเงินอนุมัติ :
วงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บาท หรือ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมินของธนาคาร
1. กรณีกู้ซื้อบ้านพร้อมที่ดิน หรือ ห้องชุดคอนโดมิเนียม ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท
วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมินธนาคาร แล้วแต่ราคาใดต่ำกว่า สำหรับกรณีซื้อบ้านจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ธนาคารกำหนด (คลิกที่นี่ เพื่อดูรายชื่อ)
วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 95% ของราคาซื้อขาย หรือ ราคาประเมินธนาคาร แล้วแต่ราคาใดต่ำกว่า สำหรับกรณีซื้อบ้านจากโครงการทั่วไป
2. กรณีกู้ซื้อบ้านพร้อมที่ดิน หรือ ห้องชุดคอนโดมิเนียม ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 90% ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมินธนาคาร แล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า
ระยะเวลาผ่อนชำระ :
นานสูงสุดถึง 35 ปี ทั้งนี้ เมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วไม่เกิน 65 ปี
อนุมัติง่ายและรวดเร็ว :
ธนาคารจะติดต่อกลับเพื่อแจ้งผลภายใน 5 - 7 วันทำการ หลังจากได้รับเอกสารประกอบการกู้ครบถ้วน
เป็นอย่างไรบ้างคะกับข้อมูลที่นำมาฝากกันในวันนี้ น้อง Genie เชื่ออยู่แล้วค่ะว่าก่อนที่เพื่อนๆ จะซื้อบ้านนั้น ต้องใมีการหาข้อมูล หรือ ทำการบ้านมาพอสมควร แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่อาจจะไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน เพราะฉะนั้นบทความนี้น้อง Genie หวังว่าจะเป็นตัวช่วยให้เพื่อนๆ เริ่มศึกษาข้อมูลในการซื้อบ้านไม่มากก็น้อยนะคะ
สุดท้ายนี้น้อง Genie อยากจะแนะนำเว็บไซต์ในการหาที่อยู่อาศัย รวบรวมห้องทุกโซน ทุกทำเล ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่ง หรือ มือสอง ก็มีให้เลือกแบบครบครัน อีกทั้งยังสามารถดูห้องได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าน VR Tour ได้ที่เว็บไซต์ www.genie-property.com ได้เลยค่ะ รับรองว่า สะดวก ปลอดภัย แถมได้ห้องไวแน่นอนค่ะ
และเพื่อเป็นกำลังใจให้น้อง Genie เพื่อนๆ สามารถเข้ามาพูดคุย หรือกดติดตามข่าวสารดีๆเกี่ยวกับแวดวงอสังหาฯ และ ไลฟ์สไตล์กันได้ผ่านทางช่องทางด้านล่างนี้เลยค่าาา
LINE: @genie-property.com
FACEBOOK: Genie-Property.com
EMAIL: sales@genie-property.com
CALL CENTER: 093-232-9888,064-931-8666
WEBSITE : www.genie-property.com
แนะนำบทความที่น่าสนใจ
คนอยากมีบ้านห้ามพลาด!! กับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ปี 2565
5 ขั้นตอน การกู้ซื้อบ้าน ผ่านง่ายกว่าที่คิด
สัญญาจะซื้อจะขายคืออะไร รายละเอียดสำคัญที่คุณไม่ควรพลาด
ขอบคุณข้อมูลจาก